6 สิ่งที่ต้องรู้! ก่อนเริ่มขั้นตอนผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง

การผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง หรือ กล่องบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสินค้านั้น เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้การบรรจุสินค้านั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สินค้าภายในยังคงสภาพดี มีความสมบูรณ์ครบถ้วนก่อนถึงมือลูกค้า ซึ่งก่อนที่จะเริ่มขั้นตอนผลิตกล่องแพคเกจจิ้งนั้นก็มีหลายปัจจัยต้องคำนึงถึง เพื่อให้กล่องบรรจุภัณฑ์มีคุณภาพ เหมาะสมกับสินค้า และตอบโจทย์กับภาพลักษณ์แบรนด์ธุรกิจได้มากที่สุด ว่าแล้วตาม Royal Paper ไปดูกันสิว่า 6 สิ่งต้องรู้ ก่อนเริ่มขั้นตอนผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง นั้นมีอะไร และต้องเตรียมข้อมูลอะไรก่อนสั่งผลิตกล่องแพคเกจจิ้งบ้าง

ขั้นตอนผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง กับ 6 สิ่งที่ต้องรู้

สำหรับขั้นตอนการผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง หรือ กล่องบรรจุภัณฑ์ นั้นมีหลายปัจจัย ที่ผู้สั่งผลิตต้องคำนึงถึง ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากมีส่วนใดผิดพลาดไปก็จะทำให้กล่องแพคเกจจิ้งไม่สมบูรณ์ หรือใช้สำหรับบรรจุสินค้าได้ไม่ดีเท่าที่ควร และอาจไม่ได้ช่วยกระตุ้นการขายมากเท่าไรนัก เราจึงจำเป็นต้องใส่ใจรายละเอียดต่างๆ ที่มีความสำคัญและเกี่ยวข้องกับการผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง ซึ่งมีดังไปนี้

1.รู้วัตถุประสงค์ของการผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง

สิ่งแรกที่ควรต้องพิจารณาก่อนจะผลิตกล่องแพคเกจจิ้งนั้นก็คือ วัตถุประสงค์ของบรรจุภัณฑ์ว่าจะใช้บรรจุสินค้าอะไร แบบไหน เพื่อที่จะได้สามารถกำหนดขนาด รูปร่าง และวัสดุที่นำมาทำกล่องบรรจุภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น กล่องแพคเกจจิ้งสำหรับสินค้าประเภทครีม อาจเลือกใช้วัสดุกระดาษที่มีความหนา แข็งแรงทนทาน สามารถรับน้ำหนักสินค้าได้ดี เช่น กระดาษอาร์ตการ์ด ความหนา 350 แกรม หรือ หากเป็นสินค้าที่ต้องการโชว์สินค้าด้านในอาจใช้เป็นกล่องบรรจุภัณฑ์ที่มีการเจาะหน้าต่าง หรือเป็นกล่องปรุฉีก หรือ กล่องดิสเพลย์ ที่สามารถหยิบสินค้าออกมาได้ง่าย ดังนั้นหากเรารู้วัตถุประสงค์ว่าจะนำกล่องมาใส่สินค้าอะไร ต้องการกล่องแบบไหน ก็จะช่วยประหยัดเวลาขั้นตอนการผลิตกล่องแพคเกจจิ้งได้มากขึ้น

2.รู้จักกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

หากอยากผลิตกล่องแพคเกจจิ้งให้สวยโดนใจผู้บริโภค ก็ควรต้องทำการสำรวจตลาดรวมถึงสำรวจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของตัวเองก่อนเป็นใคร อายุเท่าไร มีความชอบแบบไหน มีพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะได้นำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ปรับปรุงพัฒนากล่องบรรจุภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น สามารถช่วยสร้างการจดจำให้กับแบรนด์ กระตุ้นความอยากซื้อสินค้าได้มากขึ้น และช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี

3.รู้วัสดุที่ใช้ผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง

ก่อนจะผลิตกล่องแพคเกจจิ้งก็ต้องรู้ก่อนว่าเราต้องการใช้วัสดุประเภทใดสำหรับทำกล่อง ซึ่งกระดาษที่นิยมนำมาใช้ทำกล่องแพคเกจจิ้ง หรือ กล่องบรรจุภัณฑ์นั้น ได้แก่ กระดาษประเภทต่างๆ ได้แก่ กระดาษอาร์ตการ์ด กระดาษคราฟท์ กระดาษกล่องแป้งหลังเทา กระดาษกล่องแป้งหลังขาว ซึ่งกระดาษแต่ละประเภทก็จะมีคุณสมบัติแตกต่างกัน จึงควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสินค้าที่ต้องการใส่ลงในกล่องบรรจุภัณฑ์

ทั้งนี้ ในการเลือกวัสดุสำหรับนำไปผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง ควรเลือกที่มีความแข็งแรงทนทาน หากใช้บรรจุสินค้าที่มีความบอบบาง แตกหักง่าย ยิ่งต้องเลือกวัสดุกระดาษที่มีความแข็งแรง สามารถรองรับน้ำหนักและกันกระแทกได้ดี รวมถึงยังสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น ทนแดด ทนหนาว กันความชื้น เป็นต้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้ได้กล่องแพคเกจจิ้งที่มีความแข็งแรง ปลอดภัย สามารถรักษาสภาพสินค้าให้สมบูรณ์ก่อนที่ลูกค้าจะเปิดกล่องใช้งานนั่นเอง

4.รู้ขนาดกล่องแพคเกจจิ้ง

อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาดนั่นก็คือต้องรู้ขนาดกล่องแพคเกจจิ้งที่ต้องการ โดยควรให้กล่องแพคเกจจิ้งมีขนาดใหญ่พอที่จะใส่สินค้าลงไปได้อย่างพอดี ไม่ต้องทำกล่องใหญ่กว่าตัวสินค้ามากเกินไป เพราะจะทำให้เปลืองกระดาษ และทำให้กล่องมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น ทั้งอาจยังเพิ่มพื้นที่เวลาจัดวางสินค้าอีกด้วย หรือหากผลิตกล่องแพคเกจจิ้งที่เล็กเกินไป ก็จะทำให้ใส่สินค้าไม่พอดี สินค้าล้นกล่องและอาจเกิดความเสียหายระหว่างการขนส่งหรือจัดวางสินค้าได้

ดังนั้นก่อนผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง ควรทำการวัดขนาดสินค้าและเลือกขนาดบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม จะช่วยให้ตัวกล่องบรรจุภัณฑ์มีพื้นที่เพียงพอสำหรับบรรจุสินค้า และยังมีพื้นที่สำหรับการใส่วัสดุกันกระแทกเพิ่มเติมลงไปเพื่อช่วยป้องกันสินค้าได้อีกด้วย

5.รู้ว่าใช้ระบบพิมพ์แบบไหน

เพราะกล่องบรรจุภัณฑ์ไม่ได้มีแค่กล่องกระดาษเปล่าๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีการตกแต่งลวดลาย สีสัน ภาพกราฟิก และข้อมูลต่างๆ ซึ่งต้องใช้การพิมพ์เข้ามาช่วย โดยในการพิมพ์กล่องบรรจุภัณฑ์นั้น มีทั้งการใช้เครื่องพิมพ์ระบบออฟเซ็ท (Offset) และ เครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอล (Digital) ซึ่งทั้งสองระบบนี้แม้จะมีความแตกต่างกัน แต่ก็ให้คุณภาพงานพิมพ์ที่ใกล้เคียงกันมาก โดยเครื่องพิมพ์ระบบออฟเซ็ท จะมีการสร้างแม่พิมพ์ตามแบบที่ต้องการพิมพ์ โดยจะแยกแม่พิมพ์ตามสีแต่ละสี (4 สีแบบ YMCK) เมื่อพิมพ์แล้วให้สีสด ภาพคมชัด รายละเอียดสูง เหมาะกับการผลิตกล่องแพคเกจจิ้งจำนวนมากๆ ตั้งแต่ 1,000 ชิ้นขึ้นไป แต่ถ้าเป็นเครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอล จะสามารถสั่งพิมพ์ได้ทันที ไม่ต้องทำแม่พิมพ์ หากมีข้อมูลแก้ไข ก็สามารถส่งไฟล์ใหม่ และสั่งพิมพ์ได้เลย เหมาะกับการผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง จำนวนน้อย ประมาณ 100 ใบขึ้นไป หรือสั่งผลิตได้ตามจำนวนที่ต้องการ ซึ่งหากเรารู้ว่าต้องการพิมพ์ด้วยระบบไหน จำนวนเท่าไร ก็จะช่วยคำนวณต้นทุนในการผลิตแพคเกจจิ้งได้เร็วขึ้นนั่นเอง

6.รู้ว่ามีงบประมาณเท่าไร

ต้นทุนที่ต้องใช้ในการผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง ก็เป็นสิ่งที่ต้องรู้ก่อนการสั่งผลิต ซึ่งจะทำให้เราสามารถคำนวณและวางแผนได้ดี โดยต้นทุนในการผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง แยกออกเป็น 2 ประเภท คือ

  • ค่าออกแบบ เช่น ค่าจ้างออกแบบกล่อง ค่าแม่พิมพ์ เป็นต้น
  • ต้นทุนต่อชิ้น เช่น ค่าวัสดุ ค่าแรงงานต่อกล่องหนึ่งชิ้น เป็นต้น

ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ จะทำให้กำหนดได้ว่าควรจะเลือกใช้วัสดุกระดาษประเภทไหน รูปแบบกล่องอย่างไร มีขนาดเท่าไร พิมพ์จำนวนกี่ชิ้น ใช้เครื่องพิมพ์แบบไหน ใช้กี่สี หรือ มีเทคนิคพิเศษในการพิมพ์อะไรเพิ่มเติมบ้าง ซึ่งจะช่วยให้เราวางแผนงบประมาณได้ง่ายขึ้น รวมถึงยังสามารถกำหนดราคาต้นทุนสินค้าที่จะขายได้อีกด้วย

ขั้นตอนสั่งผลิตกล่องแพคเพจจิ้ง มีอะไรบ้าง

เมื่อได้ทราบกันไปแล้วว่า 6 สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนเริ่มขั้นตอนผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง นั้นมีอะไรบ้าง อย่างไรก็ดีก่อนสั่งผลิตกล่องแพคเกจจิ้งก็ควรเตรียมข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นให้ครบถ้วน พร้อมกับเช็กรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง หากมีจุดไหนผิดพลาด จะได้สั่งแก้ไขได้ทันที โดยขั้นตอนการสั่งผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง ก่อนอื่นเราควรเตรียมข้อมูลต่างๆ ให้พร้อม ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกต่อโรงพิมพ์กล่องได้เป็นอย่างดี โดยข้อมูลที่ควรเตรียมให้กับโรงพิมพ์ มีดังนี้

1.เตรียมข้อมูลสินค้า

การผลิตแพคเกจจิ้งที่สมบูรณ์ควรต้องมีการระบุข้อมูลของสินค้านั้นๆ ให้ครบถ้วน เพื่อความน่าเชื่อถือของแบรนด์และสินค้า ทั้งยังเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้ารู้จักเรามากขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ชื่อสินค้า ชื่อแบรนด์ คุณสมบัติของสินค้า วิธีใช้ ข้อควรระวัง วันเดือนปี ที่ผลิต วันหมดอายุ ที่อยู่ผู้ผลิต เครื่องหมายทางการค้า หรือ เครื่องหมายรับรองอื่นๆ และอาจระบุช่องทางการติดต่ออื่นๆ ผ่านทาง QR code ที่มีลิงก์ของไลน์ แฟนเพจ เว็บไซต์ หรือเบอร์โทรติดต่อ เป็นต้น 

2.เตรียมไฟล์งานออกแบบ

หากทางผู้ประกอบการ หรือเจ้าของธุรกิจมีไฟล์งานออกแบบกล่องแพคเกจจิ้งมาเรียบร้อยแล้ว สามารถส่งไฟล์ดังกล่าวมาให้ทางโรงพิมพ์เพื่อทำการตรวจสอบและปรับแก้ไขก่อนการผลิต โดยไฟล์ที่ใช้นั้นส่วนใหญ่ทางโรงพิมพ์จะกำหนดเป็นไฟล์ .AI / .SVG หรือ .PSD แต่หากยังไม่ได้ออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ สามารถให้ทางนักออกแบบของโรงพิมพ์เป็นคนออกแบบให้ แต่ก็ควรระบุตัวอย่างกล่องที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบกล่อง ขนาดกล่อง โทนสี ฟอนต์ โลโก้ ลวดลายตกแต่ง รูปภาพประกอบที่ต้องการ และเทคนิคพิเศษที่ต้องการเพิ่มเติม โดยสามารถพูดคุยปรึกษากับนักออกแบบได้เพื่อที่จะได้กล่องบรรจุภัณฑ์ออกมาตรงตามโจทย์มากที่สุด

3.ตรวจสอบ Mock Up ก่อนเริ่มผลิต

หลังจากส่งไฟล์ออกแบบหรือตกลงกับทางนักออกแบบของโรงพิมพ์เรียบร้อยแล้วว่าต้องการผลิตกล่องแพคเกจจิ้งแบบไหน ทางผู้ผลิตจะทำ Mock Up หรือตัวอย่างกล่องออกมาให้เราตรวจสอบก่อน เพื่อดูว่ากล่องบรรจุภัณฑ์ที่ทำออกมานั้น ตรงกับความต้องการและตรงตามที่ออกแบบไว้หรือไม่ ดังนั้นในขั้นตอนนี้จึงควรตรวจสอบอย่างละเอียด เช็กทั้งโทนสี ข้อความ โลโก้ และรายละเอียดประกอบอื่นๆ ที่สำคัญ หากมีจุดใดผิดพลาด ยังสามารถขอแก้ไขได้ทันเวลา แต่ถ้าสั่งผลิตไปแล้วมาขอแก้ไขในภายหลังก็อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และยังทำให้เสียเวลาอีกด้วย

4.อย่าลืมตกลงระยะเวลาในการผลิตให้แน่นอน

หลังจากที่ตกลงรายละเอียดต่างๆ ที่ต้องการในการผลิตกล่องแพคเกจจิ้งเรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงขั้นตอนการผลิต ก็อย่าลืมสอบถามระยะเวลาที่โรงพิมพ์ใช้ในการผลิตกล่องแพคเกจจิ้งให้ชัดเจนตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็น ระยะเวลาที่ใช้ในการออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ ระยะเวลาในการส่ง Mock-Up ไปจนถึงการตรวจทานแก้ไข ระยะเวลาในการผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง รวมถึงระยะเวลาที่ใช้ในการจัดส่ง เป็นต้น

สั่งผลิตกล่องแพคเกจจิ้งกับ โรงพิมพ์ Royal Paper

ในการเลือกโรงพิมพ์สำหรับผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง จำเป็นต้องเลือกโรงพิมพ์ที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานในการผลิต ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัสดุคุณภาพดี มีเครื่องพิมพ์ทันสมัย ร่วมด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ให้บริการที่น่าประทับใจ ไปจนถึงมีราคาการผลิตที่เหมาะสม ซึ่งหากใครที่ต้องการสั่งผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง หรือ กล่องบรรจุภัณฑ์ แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกโรงพิมพ์ที่ไหนดีละก็ ให้โรงพิมพ์ Royal Paper (รอยัล เปเปอร์) เป็นหนึ่งในตัวเลือกของคุณ เพราะเราคือ โรงพิมพ์กล่องครบวงจร ที่ให้บริการด้านการผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ แพคเกจจิ้ง กล่องจั่วปัง และบริการด้านงานพิมพ์อื่นๆ ที่ตอบโจทย์คนทำธุรกิจและผู้ประกอบการทั่วประเทศ ด้วยประสบการณ์ด้านงานพิมพ์กว่า 20 ปี การันตีด้วยคุณภาพและมาตรฐานในการผลิตชิ้นงานที่มีความสวยงาม และสมบูรณ์แบบให้กับลูกค้า

นอกจากนี้ ไม่ว่าคุณจะสั่งผลิตกล่องจำนวนน้อย เริ่มต้นที่ 100 กล่อง หรือผลิตเป็นจำนวนมากตั้งแต่ 1,000 กล่องขึ้นไป เราก็ยินดีให้บริการ โดยใช้เครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอล และระบบออฟเซ็ทที่ทันสมัย สามารถผลิตกล่องแพคเกจจิ้งจำนวนมากได้ พิมพ์ 4 สี คมชัด ให้ภาพสวยงามและมีความโดดเด่น โดยช่างผู้ชำนาญด้านงานพิมพ์ 

โดยหากใครที่สนใจสั่งผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง หรือ กล่องบรรจุภัณฑ์ สำหรับสินค้าต่างๆ เช่น กล่องสบู่ กล่องครีม กล่องลิปสติก กล่องอาหารเสริม กล่องยา กล่องหน้ากากอนามัย กล่องขนม รวมไปถึงแพคเกจจิ้งอื่นๆ อย่าง ซองฟอยล์ ซองกระดาษ ซองพลาสติก และงานพิมพ์ทั่วไปอย่าง สติ๊กเกอร์ฉลากสินค้า สติ๊กเกอร์กันปลอม ใบปลิว โบรชัวร์ โปสเตอร์ ถุงผ้า ถุงกระดาษ สายคาดกล่อง กระดาษหูหิ้ว กระดาษปลอกแก้ว ไปจนถึงงานป้ายอย่าง ป้ายเมนู ป้ายหน้าร้าน ตู้ป้ายไฟ ป้ายธงญี่ปุ่น และงานพิมพ์อื่นๆ ให้ Royal Paper ได้ให้บริการในการผลิตกล่องแพคเกจจิ้งสวยๆ พร้อมด้วยงานพิมพ์คุณภาพดี ที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าของคุณ โดยสามารถเข้าชมตัวอย่างผลงาน กล่องแพคเกจจิ้ง กล่องบรรจุภัณฑ์ รูปแบบต่างๆ ที่เราเคยผลิตได้ที่ www.royalpaper.co.th หรือโทร. 094-364-6396 เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม