ฉลากสินค้า vs สติ๊กเกอร์ vs ป้ายแท็ก ต่างกันยังไง?
9 พฤศจิกายน 2025 7 พฤศจิกายน 2025
เคลียร์ชัด Label, Sticker, และ Tag คืออะไร? สรุปความแตกต่าง ฉลากสินค้า vs สติ๊กเกอร์ และป้ายแท็ก ว่ามีความหมายและการใช้งานต่างกันอย่างไร
Key Takeaway
ฉลากสินค้า (Label): คือสติ๊กเกอร์ (มีกาว) ที่มีหน้าที่หลักเพื่อบอกข้อมูล (เช่น ส่วนผสม, บาร์โค้ด, วันหมดอายุ)
สติ๊กเกอร์ (Sticker): คือคำกว้างๆ (มีกาว) ที่มีหน้าที่หลักเพื่อตกแต่ง หรือแสดงโลโก้/อัตลักษณ์ (เช่น สติ๊กเกอร์การ์ตูน, สติ๊กเกอร์โลโก้แปะกล่อง)
ป้ายแท็ก (Tag): คือป้ายที่ไม่มีกาว แต่ใช้วิธีห้อยหรือผูกกับสินค้า (เช่น ป้ายราคาเสื้อผ้า)
หนึ่งในปัญหาความสับสนสำหรับเจ้าของธุรกิจหรือนักออกแบบ คือการใช้คำว่าฉลากสินค้า (Label) , สติ๊กเกอร์ (Sticker) และป้ายแท็ก (Tag) ที่มักถูกใช้ปนกันบ่อยมาก
แม้ในประเทศไทยเรามักจะเรียกทับซ้อนกัน (เช่น เรียก “ฉลากสินค้า” ว่า “สติ๊กเกอร์” เฉยๆ) แต่ในเชิงเทคนิคและหน้าที่ (Function) ของมันจริงๆ แล้วมีความหมายที่แตกต่างกันชัดเจน การสื่อสารกับโรงพิมพ์ให้ถูกต้องจะช่วยให้คุณได้งานที่ตรงความต้องการที่สุด บทความนี้จะมาเคลียร์ความหมายและการใช้งานของทั้ง 3 คำให้ชัดเจน โดยจะโฟกัสที่หน้าที่ และการติดตั้ง
สารบัญ
ตารางเปรียบเทียบความหมาย ฉลากสินค้า vs สติ๊กเกอร์ vs ป้ายแท็ก
ปัจจัย ฉลากสินค้า (Label) สติ๊กเกอร์ (Sticker) ป้ายแท็ก (Tag) หน้าที่หลัก (Function) “บอกข้อมูล” (Informative)“ตกแต่ง / แสดงอัตลักษณ์” (Decorative / Identity)“ระบุตัวตน / ราคา” (Identification)มีกาว (Adhesive)? มี (ต้องแปะติดกับสินค้า)มี (ต้องแปะติด)ไม่มี (ใช้วิธีห้อย, แขวน, ผูก)ตัวอย่างการใช้งาน ฉลากโภชนาการ, บาร์โค้ด, คำเตือน, ส่วนผสม สติ๊กเกอร์โลโก้, สติ๊กเกอร์การ์ตูน, สติ๊กเกอร์ติดรถ ป้ายราคาเสื้อผ้า (Hang Tag), ป้ายชื่อกระเป๋า
ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ ฉลากสินค้า หรือ สติ๊กเกอร์ สิ่งที่มักจะอยู่บนนั้นเพื่อระบุตัวตนสินค้า คือ ‘บาร์โค้ด’ หรือ ‘QR Code’
อ่านต่อ: บาร์โค้ดและ QR Code บนฉลาก
ฉลากสินค้า (Label) คืออะไร?
เน้นหน้าที่ (Function) : ฉลากสินค้า (Label) คือชิ้นส่วนที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ข้อมูล (Informative) เป็นหลัก
อธิบาย: ฉลากสินค้า คือสติ๊กเกอร์ประเภทหนึ่ง (เพราะมีกาวในตัวสำหรับแปะ) แต่เป็นสติ๊กเกอร์ที่ถูกใช้โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อบอกรายละเอียดหรือระบุตัวตนของผลิตภัณฑ์นั้นๆ อย่างเป็นทางการ ฉลากสินค้า ทำหน้าที่สื่อสารข้อมูลสำคัญที่ผู้บริโภคจำเป็นต้องรู้ หรือข้อมูลที่กฎหมายกำหนด เช่น:
ข้อมูลระบุตัวตน: ชื่อแบรนด์, ชื่อสินค้า, โลโก้
ข้อมูลทางโภชนาการ: ตารางโภชนาการ (Nutrition Facts)
ข้อมูลบังคับ: ส่วนผสม (Ingredients), วิธีใช้ (Instructions), วันหมดอายุ (Expiration Date), คำเตือน (Warnings)
ข้อมูลการจัดการ: บาร์โค้ด (Barcode), QR Code, ที่อยู่ผู้ผลิต
สรุป (Key Distinction): จุดตัดสินว่าสิ่งนั้นคือ ฉลากสินค้า หรือ สติ๊กเกอร์ ไม่ได้อยู่ที่วัสดุ แต่อยู่ที่เจตนาในการใช้งาน ถ้าเจตนาหลักคือการให้ข้อมูล เราจะเรียกสิ่งนั้นว่า ฉลากสินค้า ดังนั้นฉลากสินค้าทุกอันคือสติ๊กเกอร์ แต่สติ๊กเกอร์ทุกอันไม่ใช่ฉลากสินค้า (All Labels are Stickers, but not all Stickers are Labels)
สติ๊กเกอร์ (Sticker) คืออะไร?
เน้นจุดประสงค์ (Purpose): สติ๊กเกอร์ (Sticker) คือคำที่กว้างที่สุด หมายถึงวัสดุใดๆ ก็ตามที่มีกาวในตัวด้านหลัง และออกแบบมาให้ลอกแล้วแปะติด (Self-Adhesive) ลงบนพื้นผิวต่างๆ
อธิบาย: ในขณะที่ ฉลากสินค้า เน้นข้อมูล, สติ๊กเกอร์ จะเน้นไปที่กราฟิก (Graphic-based) เป็นหลักจุดประสงค์ของ สติ๊กเกอร์ มักจะเน้นไปที่การใช้งาน ดังนี้
การตกแต่ง (Decorative): เช่น สติ๊กเกอร์การ์ตูน, สติ๊กเกอร์ลวดลายสำหรับติดโน้ตบุ๊ก, สเก็ตบอร์ด หรือไดอารี่
การแสดงอัตลักษณ์ (Identity): เช่น สติ๊กเกอร์โลโก้ แบรนด์ ที่ใช้สำหรับแปะปิดผนึกกล่องพัสดุ หรือแปะบนถุงสินค้า เพื่อสร้างการจดจำแบรนด์
การโปรโมต (Promotional): เช่น สติ๊กเกอร์ที่ทำแจกในงานอีเวนต์, สติ๊กเกอร์ Bumper ติดท้ายรถเพื่อการรณรงค์หรือโฆษณา
การแสดงความเป็นเจ้าของ: เช่น สติ๊กเกอร์ชื่อ, สติ๊กเกอร์ทีมฟุตบอลที่ชอบ
สิ่งสำคัญคือ สติ๊กเกอร์ อาจจะไม่มีข้อมูลสำคัญของผลิตภัณฑ์ (เช่น ส่วนผสม, วันหมดอายุ) อยู่เลยก็ได้
สรุป (Key Distinction): ถ้าสิ่งนั้นถูกออกแบบมาเพื่อบอกข้อมูลเป็นหลัก = เราเรียกว่า ฉลากสินค้า (Label) ถ้าสิ่งนั้นถูกออกแบบมาเพื่อ กราฟิก/โลโก้/ตกแต่ง เป็นหลัก = เราเรียกว่า สติ๊กเกอร์ (Sticker)
ป้ายแท็ก (Tag) คืออะไร?
เน้นการติดตั้ง (Application) และการถอดออก (Removability)
อธิบาย: ป้ายแท็ก (Tag) คือชิ้นส่วนที่ไม่มีกาวในตัว (Non-Adhesive) นี่คือจุดแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดที่แยกออกจาก ฉลากสินค้า และ สติ๊กเกอร์
หน้าที่: ป้ายแท็กอาจทำหน้าที่บอกข้อมูลคล้ายๆ ฉลากสินค้า (เช่น ราคา, ไซส์, แบรนด์, โลโก้, หรือวิธีดูแลรักษา) แต่การติดตั้งจะใช้วิธีทางกายภาพอื่นที่ไม่ใช่กาว เช่น
การห้อย (Hanging): โดยการเจาะรู (Drilled hole) แล้วใช้เชือก, ริบบิ้น หรือโซ่พลาสติกคล้องผ่าน นี่คือรูปแบบที่พบบ่อยที่สุด หรือที่เรียกว่า “ป้ายห้อยสินค้า” (Hang Tag)
การผูก (Tying): ใช้ผูกติดกับหูหิ้วสินค้า หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ (เช่น ป้ายชื่อกระเป๋าเดินทาง)
เหตุผลการใช้งาน: เหตุผลหลักที่เลือกใช้ ป้ายแท็ก คือเพื่อให้สามารถถอดออกได้ง่าย โดยไม่ทิ้งคราบกาวหรือสร้างความเสียหายให้กับตัวสินค้า (เช่น เสื้อผ้า, ของขวัญ) หรือใช้ในจุดที่การแปะสติ๊กเกอร์ทำได้ยาก (เช่น หูหิ้ว, คอขวด)
ตัวอย่าง: ป้ายราคาเสื้อผ้า (Hang Tag), ป้ายชื่อกระเป๋าเดินทาง (Luggage Tag), ป้ายห้อยคอขวดไวน์ (Bottle Neck Tag)
ทั้งฉลากสินค้า และ สติ๊กเกอร์ สามารถผลิตในรูปแบบม้วนได้ ย้อนกลับไปดูว่า สติ๊กเกอร์ม้วนคืออะไร
สรุป ทำไมในไทยถึงเรียกปนกัน?
เพราะในทางปฏิบัติฉลากสินค้า (Label) ก็คือ สติ๊กเกอร์ (Sticker) ชนิดหนึ่งที่พิมพ์ออกมา ทำให้คนไทยมักเรียกเหมารวม “ฉลากสินค้า” ว่า “สติ๊กเกอร์โลโก้”, “สติ๊กเกอร์ติดขวด” หรือ “สติ๊กเกอร์สินค้า” ซึ่งไม่ผิดในเชิงการสื่อสารทั่วไป แต่หากคุณต้องการสื่อสารกับโรงพิมพ์ให้ชัดเจน การแยกประเภทตามหน้าที่จะแม่นยำที่สุด
“ฉลากสินค้า” (เน้นข้อมูล)
“สติ๊กเกอร์” (เน้นโลโก้/ตกแต่ง)
“ป้ายแท็ก” (เน้นการห้อย/ไม่มีกาว)
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ฉลากสินค้า (Label) กับ สติ๊กเกอร์ (Sticker) เหมือนกันไหม?
ฉลากสินค้า (Label) คือ สติ๊กเกอร์ชนิดหนึ่งที่เน้นการให้ข้อมูล (เช่น ส่วนผสม, บาร์โค้ด) ส่วนสติ๊กเกอร์ (Sticker) เป็นคำกว้างๆ ที่อาจหมายถึงสติ๊กเกอร์ตกแต่งหรือโลโก้ก็ได้ สรุปคือฉลากสินค้าทุกอันคือสติ๊กเกอร์ แต่สติ๊กเกอร์ทุกอันไม่ใช่ฉลากสินค้า
ป้ายแท็ก (Tag) ต่างจาก ฉลากสินค้า (Label) ยังไง?
ต่างกันที่กาว ฉลากสินค้า (Label) จะมีกาวในตัวเพื่อแปะลงบนสินค้า แต่ ป้ายแท็ก (Tag) จะ “ไม่มีกาว” และใช้วิธี “ห้อย” หรือ “ผูก” ติดกับสินค้าแทน เช่น ป้ายราคาเสื้อผ้า (Hang Tag)
สั่งโรงพิมพ์ต้องใช้คำไหน?
ถ้าต้องการฉลากบอกข้อมูลสินค้าให้ใช้คำว่า “ฉลากสินค้า” (Product Label) ถ้าต้องการแค่โลโก้แปะกล่อง ให้ใช้ “สติ๊กเกอร์โลโก้” (Logo Sticker) แต่ถ้าต้องการป้ายห้อยเสื้อผ้า ให้ใช้ “ป้ายแท็ก” (Hang Tag)