ขวดผลิตภัณฑ์พร้อมฉลากและม้วนสติ๊กเกอร์ สคบ.

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสติ๊กเกอร์ สคบ.

ปัจจุบันสินค้ามีความหลากหลาย การมีฉลากสินค้าที่ถูกต้องและชัดเจนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มีบทบาทสำคัญในการกำหนดกฎหมายและควบคุมฉลากสินค้า เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและตัดสินใจซื้อสินค้าได้อย่างมั่นใจ บทความนี้จะเจาะลึกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสติ๊กเกอร์ สคบ. เพื่อให้ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคเข้าใจและปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง

พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม

พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 เป็นกฎหมายหลักที่ใช้ในการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคในประเทศไทย กฎหมายฉบับนี้มีบทบัญญัติหลายมาตราที่เกี่ยวข้องกับฉลากสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา 30 และ 31 ที่กำหนดอำนาจของคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก

  • มาตรา 30: กำหนดให้คณะกรรมการว่าด้วยฉลากมีอำนาจในการกำหนดลักษณะของฉลากสินค้าที่ควบคุมฉลาก เช่น ประเภทสินค้าที่ต้องมีฉลาก ข้อมูลที่ต้องแสดงบนฉลาก และวิธีการแสดงฉลาก
  • มาตรา 31: กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ขายสินค้าที่ควบคุมฉลากต้องจัดทำฉลากให้ถูกต้องตามที่คณะกรรมการว่าด้วยฉลากกำหนด

ต่อมาได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541 ซึ่งมีผลต่อการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับฉลากสินค้าให้มีความชัดเจนและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่าง: กรณีที่ผู้ประกอบการไม่แสดงข้อมูลที่จำเป็นบนฉลากสินค้า เช่น วันหมดอายุ หรือส่วนประกอบสำคัญ ผู้บริโภคอาจได้รับอันตรายจากการใช้สินค้าได้ ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดต่อ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522

ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก

คณะกรรมการว่าด้วยฉลากมีอำนาจในการออกประกาศเพื่อกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับฉลากสินค้าตามที่ได้รับมอบหมายจาก พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ประกาศที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับสติ๊กเกอร์ สคบ. ได้แก่ ประกาศเกี่ยวกับลักษณะของฉลากสินค้าที่ควบคุมฉลาก พ.ศ. 2541 ซึ่งกำหนดรายละเอียดต่างๆ เช่น

  • ข้อมูลที่ต้องแสดงบนฉลาก: ชื่อสินค้า ชื่อและที่อยู่ผู้ผลิต/นำเข้า ปริมาณ/ขนาด ส่วนประกอบ วิธีใช้ วันผลิต/หมดอายุ คำเตือน/ข้อควรระวัง
  • รูปแบบและขนาดของฉลาก: กำหนดขนาดตัวอักษร สี และรูปแบบของฉลาก เพื่อให้ผู้บริโภคอ่านได้ง่าย
  • ภาษาที่ใช้: กำหนดให้ใช้ภาษาไทย และอาจมีภาษาต่างประเทศเพิ่มเติมได้

ประกาศเหล่านี้ได้รับการปรับปรุงและแก้ไขเพิ่มเติมอยู่เสมอ ผู้ประกอบการจึงควรติดตามประกาศฉบับล่าสุดจากเว็บไซต์ สคบ. อย่างใกล้ชิด

รายละเอียดเกี่ยวกับข้อกำหนดของฉลากสินค้าแต่ละประเภท

สคบ. ได้แบ่งประเภทสินค้าและกำหนดข้อกำหนดเฉพาะของฉลากสินค้าแต่ละประเภท เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะของสินค้า เช่น

1.อาหารและเครื่องดื่ม

  • ข้อมูลโภชนาการ: ต้องแสดงปริมาณพลังงาน ไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต น้ำตาล โซเดียม และสารอาหารอื่นๆ ตามที่กฎหมายกำหนด โดยแสดงในรูปแบบตารางโภชนาการเพื่อให้เข้าใจง่าย
  • ส่วนประกอบ: ต้องแสดงส่วนประกอบทั้งหมดที่ใช้ในการผลิต โดยเรียงลำดับจากปริมาณมากไปน้อย เพื่อให้ผู้บริโภคทราบว่าสินค้าทำมาจากอะไรบ้าง
  • วัตถุเจือปนอาหาร: ต้องระบุชื่อและปริมาณของวัตถุเจือปนอาหารที่ใช้ เช่น สารกันบูด สีผสมอาหาร สารปรุงแต่งรสชาติ
  • วันผลิต/หมดอายุ: ต้องระบุวันเดือนปีที่ผลิตและวันหมดอายุอย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคทราบถึงอายุของสินค้าและความปลอดภัยในการบริโภค
  • คำเตือนสำหรับผู้แพ้อาหาร: ต้องระบุสารก่อภูมิแพ้ที่อาจมีอยู่ในสินค้า เช่น นม ถั่ว แป้งสาลี เพื่อป้องกันอันตรายต่อผู้บริโภคที่มีอาการแพ้
  • เลขสารบบอาหาร: สำหรับอาหารที่ผลิตในประเทศไทย ต้องมีเลขสารบบอาหาร 13 หลัก แสดงอยู่บนฉลาก

2.เครื่องสำอาง

  • ส่วนประกอบ: ต้องแสดงส่วนประกอบทั้งหมด โดยเรียงลำดับจากปริมาณมากไปน้อย และใช้ชื่อทางเคมีตามมาตรฐาน INCI (International Nomenclature of Cosmetic Ingredients)
  • วิธีใช้: ต้องอธิบายวิธีการใช้อย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคใช้งานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
  • คำเตือน: ต้องระบุคำเตือนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เช่น คำเตือนเกี่ยวกับการแพ้ การระคายเคือง หรือการใช้ในบริเวณเฉพาะ
  • เลขที่ใบรับแจ้ง: เครื่องสำอางที่ผลิตหรือนำเข้าต้องมีเลขที่ใบรับแจ้งจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แสดงอยู่บนฉลาก
  • ชื่อและที่อยู่ผู้ผลิต/นำเข้า: ต้องระบุชื่อและที่อยู่ของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า เพื่อให้สามารถติดต่อสอบถามหรือร้องเรียนได้

3.เครื่องใช้ไฟฟ้า

  • แรงดันไฟฟ้า (Voltage): ระบุแรงดันไฟฟ้าที่เครื่องใช้ไฟฟ้านั้นใช้ เช่น 220V
  • กำลังไฟฟ้า (Wattage): ระบุกำลังไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งบ่งบอกถึงปริมาณการใช้พลังงาน
  • วิธีใช้: อธิบายวิธีการใช้งานอย่างละเอียด เพื่อให้ผู้บริโภคใช้งานได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
  • คำเตือนเกี่ยวกับความปลอดภัย: ระบุคำเตือนต่างๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้งาน เช่น คำเตือนเกี่ยวกับการใช้ในที่เปียกชื้น การสัมผัสส่วนที่มีกระแสไฟฟ้า หรือการใช้งานกับอุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสม
  • มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.): เครื่องใช้ไฟฟ้าบางประเภทต้องมีเครื่องหมาย มอก. แสดงอยู่บนฉลาก เพื่อรับรองว่าสินค้าได้มาตรฐานความปลอดภัย

4.สินค้าอันตราย

  • คำเตือนเกี่ยวกับอันตราย: ต้องระบุคำเตือนเกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้สินค้า เช่น อันตรายจากสารเคมี การระเบิด หรือการติดไฟ โดยใช้สัญลักษณ์และข้อความที่ชัดเจน
  • วิธีการใช้งานอย่างปลอดภัย: อธิบายวิธีการใช้งานอย่างปลอดภัย เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
  • วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น: ระบุวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการใช้สินค้า
  • สัญลักษณ์แสดงความเป็นอันตราย: อาจมีสัญลักษณ์แสดงความเป็นอันตราย เช่น รูปกะโหลกไขว้สำหรับสารพิษ หรือรูปเปลวไฟสำหรับสารไวไฟ

นอกจากนี้ ยังมีข้อกำหนดทั่วไปที่ใช้กับฉลากสินค้าทุกประเภท เช่น

  1. ความถูกต้องของข้อมูล: ข้อมูลบนฉลากต้องถูกต้องและตรงกับความเป็นจริง ไม่ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด
  2. ความชัดเจนของข้อความ: ข้อความบนฉลากต้องอ่านง่าย ชัดเจน และใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย
  3. ภาษาที่ใช้: โดยทั่วไปต้องใช้ภาษาไทย และอาจมีภาษาต่างประเทศกำกับได้
  4. ตำแหน่งการแสดงฉลาก: ฉลากต้องติดอยู่บนสินค้า หรือบรรจุภัณฑ์ ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ง่าย

การปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้เป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการ และเป็นสิทธิของผู้บริโภคที่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า หากพบสินค้าที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ผู้บริโภคสามารถร้องเรียนไปยัง สคบ. ได้

ขวดผลิตภัณฑ์ พร้อมฉลาก สคบ. สีดำ-ส้มบนพื้นหลังลายเส้นสีดำ

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม: ผู้ประกอบการสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ สคบ. (www.ocpb.go.th) หรือติดต่อสอบถามไปยัง สคบ. โดยตรง

บทลงโทษสำหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย

ผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 และประกาศที่เกี่ยวข้อง อาจได้รับบทลงโทษดังนี้

  • โทษปรับ: ปรับไม่เกิน 50,000 บาท สำหรับผู้ประกอบธุรกิจทั่วไป และปรับไม่เกิน 100,000 บาท สำหรับผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือผู้สั่งทำ
  • โทษจำคุก: จำคุกไม่เกิน 6 เดือน สำหรับผู้ประกอบธุรกิจทั่วไป และจำคุกไม่เกิน 1 ปี สำหรับผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือผู้สั่งทำ
  • ทั้งจำทั้งปรับ: ศาลอาจลงโทษทั้งจำคุกและปรับ

ขั้นตอนการร้องเรียน: ผู้บริโภคที่พบเห็นสินค้าที่ไม่ติดฉลาก หรือติดฉลากไม่ถูกต้อง สามารถร้องเรียนไปยัง สคบ. ได้ทางสายด่วน 1166 หรือผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ

สรุป

การปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับฉลากสินค้าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคและหลีกเลี่ยงบทลงโทษทางกฎหมาย ผู้บริโภคเองก็ควรตรวจสอบฉลากสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเลือกซื้อสินค้าได้อย่างปลอดภัย

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  • พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522
  • พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541
  • ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก
  • เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (www.ocpb.go.th)