กล่องบรรจุภัณฑ์ โทนสีชมพู-ม่วง วางเรียงแบบไดนามิก

ขนาดกล่องบรรจุภัณฑ์ที่นิยมใช้ เลือกอย่างไรให้พอดีกับสินค้า

การเลือกขนาดกล่องบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมนั้นสำคัญอย่างยิ่งต่อธุรกิจ ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องสินค้าจากการเสียหายระหว่างการขนส่งและการจัดเก็บเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อต้นทุนค่าขนส่ง และภาพลักษณ์ของแบรนด์อีกด้วย กล่องที่ใหญ่เกินไปจะทำให้สินค้าเคลื่อนที่ไปมา เสี่ยงต่อการแตกหัก และยังเพิ่มต้นทุนค่าขนส่งโดยไม่จำเป็น ในขณะที่กล่องที่เล็กเกินไปก็อาจทำให้สินค้าถูกบีบอัดจนเสียหาย บทความนี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับขนาดกล่องบรรจุภัณฑ์มาตรฐาน วิธีการวัดขนาดสินค้า และเคล็ดลับในการเลือกกล่องให้เหมาะสม เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถเลือกใช้กล่องได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ขนาดกล่องบรรจุภัณฑ์มาตรฐานที่นิยมใช้ในท้องตลาด

ขนาดกล่องบรรจุภัณฑ์มีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับประเภทของกล่องและผู้ผลิต โดยทั่วไปแล้วจะวัดขนาดเป็น กว้าง x ยาว x สูง (หรือ ลึก) หน่วยวัดที่นิยมใช้คือ เซนติเมตร (ซม.) และ นิ้ว (นิ้ว) การเลือกขนาดกล่องที่เหมาะสมควรพิจารณาจากขนาดของสินค้าและปริมาณพื้นที่ที่ต้องการสำหรับวัสดุกันกระแทก

กล่องบรรจุภัณฑ์สีชมพู ดีไซน์เรียบหรู พร้อมฟอยล์ทอง วางเรียงกันอย่างสวยงาม

ตัวอย่างขนาดกล่องบรรจุภัณฑ์มาตรฐาน

1.กล่องอาร์ตการ์ด

เป็นกล่องที่นิยมใช้สำหรับสินค้าพรีเมียม หรือสินค้าที่ต้องการความสวยงาม เช่น เครื่องสำอาง เครื่องประดับ ของขวัญ มีขนาดที่นิยมดังนี้

  • ขนาดเล็ก: ประมาณ 10 x 15 x 5 เซนติเมตร (3.9 x 5.9 x 2 นิ้ว) เหมาะสำหรับสินค้าขนาดเล็ก เช่น เครื่องประดับชิ้นเล็ก สินค้าทดลอง หรือของขวัญขนาดเล็ก
  • ขนาดกลาง: ประมาณ 15 x 20 x 7 เซนติเมตร (5.9 x 7.9 x 2.8 นิ้ว) เหมาะสำหรับสินค้าขนาดเล็กทั่วไป เช่น เครื่องสำอางทั่วไป สินค้าแฮนด์เมด หรือสินค้าขนาดกลางที่ไม่ใหญ่มาก
  • ขนาดใหญ่: ประมาณ 20 x 25 x 10 เซนติเมตร (7.9 x 9.8 x 3.9 นิ้ว) เหมาะสำหรับสินค้าขนาดกลาง เช่น เสื้อผ้าพับ หนังสือ หรือสินค้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย

2.กล่องลูกฟูก

เป็นกล่องที่นิยมใช้สำหรับการจัดส่งสินค้าทางไปรษณีย์ มีขนาดมาตรฐานตามที่ไปรษณีย์ไทยกำหนด ดังนี้

  • เบอร์ 00 (AAA): ประมาณ 14 x 9.75 x 6 เซนติเมตร (5.5 x 3.8 x 2.4 นิ้ว) เหมาะสำหรับสินค้าขนาดเล็กมาก เช่น เครื่องประดับชิ้นเล็ก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก
  • เบอร์ 0: ประมาณ 11 x 17 x 6 เซนติเมตร (4.3 x 6.7 x 2.4 นิ้ว) เหมาะสำหรับสินค้าขนาดเล็ก เช่น เครื่องสำอาง สินค้าทดลอง
  • เบอร์ A (ก): ประมาณ 20 x 14 x 6 เซนติเมตร (7.9 x 5.5 x 2.4 นิ้ว) เหมาะสำหรับสินค้าขนาดเล็กถึงกลาง เช่น เสื้อผ้าพับ อุปกรณ์ไอทีขนาดเล็ก
  • เบอร์ B (ข): ประมาณ 25 x 17 x 9 เซนติเมตร (9.8 x 6.7 x 3.5 นิ้ว) เหมาะสำหรับสินค้าขนาดกลาง เช่น เสื้อผ้า รองเท้า
  • เบอร์ C (ค): ประมาณ 30 x 20 x 11 เซนติเมตร (11.8 x 7.9 x 4.3 นิ้ว) เหมาะสำหรับสินค้าขนาดกลางถึงใหญ่ เช่น กระเป๋า กล่องของขวัญ
  • เบอร์ D: ประมาณ 22 x 35 x 14 เซนติเมตร (8.7 x 13.8 x 5.5 นิ้ว) เหมาะกับสินค้าขนาดใหญ่ เช่น เครื่องใช้ในครัวเรือนขนาดเล็ก
  • เบอร์ E: ประมาณ 24 x 40 x 17 เซนติเมตร (9.4 x 15.7 x 6.7 นิ้ว) เหมาะกับสินค้าขนาดใหญ่ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก
  • เบอร์ F: ประมาณ 30 x 45 x 20 เซนติเมตร เหมาะกับสินค้าชิ้นใหญ่พิเศษ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก
  • เบอร์ G: ประมาณ 31 x 36 x 26 เซนติเมตร เหมาะกับสินค้าชิ้นใหญ่พิเศษ เช่น ลังผลไม้ ขวดแก้วขนาดใหญ่
  • เบอร์ H: ประมาณ 40 x 45 x 34 เซนติเมตร เหมาะกับสินค้าชิ้นใหญ่พิเศษ เช่น ทีวี เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่
  • เบอร์ I (หนา 5 ชั้น): ประมาณ 45 x 55 x 40 เซนติเมตร เหมาะกับสินค้าชิ้นใหญ่พิเศษที่ต้องการความแข็งแรงทนทาน เช่น เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่

3.กล่องทรงกระบอก

เป็นกล่องที่มีรูปทรงเป็นทรงกระบอก เหมาะสำหรับสินค้าที่มีรูปทรงเป็นทรงกลมหรือทรงกระบอก เช่น ขวด เครื่องสำอางแบบแท่ง มีขนาดที่นิยมดังนี้

  • ขนาดเล็ก: เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 เซนติเมตร สูงประมาณ 10 เซนติเมตร (เส้นผ่านศูนย์กลาง 2 นิ้ว สูง 3.9 นิ้ว) เหมาะสำหรับสินค้าขนาดเล็ก เช่น ลิปสติก มาสคาร่า
  • ขนาดกลาง: เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 7 เซนติเมตร สูงประมาณ 15 เซนติเมตร (เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.8 นิ้ว สูง 5.9 นิ้ว) เหมาะสำหรับสินค้าขนาดกลาง เช่น ขวดน้ำหอม โลชั่น
  • ขนาดใหญ่: เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 เซนติเมตร สูงประมาณ 20 เซนติเมตร (เส้นผ่านศูนย์กลาง 3.9 นิ้ว สูง 7.9 นิ้ว) เหมาะสำหรับสินค้าขนาดใหญ่ เช่น ไวน์ โปสเตอร์ งานศิลปะ

4.กล่องจั่วปัง

โดยทั่วไปมักใช้ขนาดเดียวกันกับกล่องไปรษณีย์ เนื่องจากมีความสะดวกและประหยัดในการใช้งาน

ขนาดที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงขนาดที่นิยมใช้โดยทั่วไป ขนาดจริงอาจแตกต่างกันไปบ้างเล็กน้อยขึ้นอยู่กับผู้ผลิต ควรตรวจสอบขนาดที่แน่นอนกับผู้ผลิตหรือร้านค้าก่อนสั่งซื้อทุกครั้ง และควรพิจารณาเผื่อพื้นที่สำหรับวัสดุกันกระแทกเมื่อเลือกขนาดกล่องด้วย

แนะนำวิธีการวัดขนาดสินค้าเพื่อเลือกกล่องที่เหมาะสม

การวัดขนาดสินค้าอย่างถูกต้องเป็นขั้นตอนสำคัญในการเลือกกล่องบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม ควรวัดส่วนที่กว้างที่สุด ยาวที่สุด และสูงที่สุดของสินค้า หากสินค้ามีรูปทรงไม่แน่นอน เช่น เสื้อผ้า ควรพับหรือจัดทรงให้ใกล้เคียงกับลักษณะที่จะบรรจุในกล่อง

วิธีการวัดสินค้า

  1. เตรียมอุปกรณ์: ไม้บรรทัด หรือ ตลับเมตร
  2. วัดความกว้าง: วัดด้านที่กว้างที่สุดของสินค้า
  3. วัดความยาว: วัดด้านที่ยาวที่สุดของสินค้า
  4. วัดความสูง (หรือ ลึก): วัดความสูงหรือความหนาของสินค้า

การเผื่อพื้นที่

หลังจากวัดขนาดสินค้าแล้ว ควรเผื่อพื้นที่ในกล่องเพิ่มขึ้นประมาณ 1-2 เซนติเมตร รอบด้าน เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับวัสดุกันกระแทก เช่น บับเบิ้ลกันกระแทก โฟม หรือกระดาษฝอย การเผื่อพื้นที่นี้จะช่วยป้องกันสินค้าจากการกระแทกและการเคลื่อนที่ภายในกล่องระหว่างการขนส่ง

ตัวอย่างการคำนวณ

สมมติว่าสินค้าของคุณมีขนาด 10 x 15 x 5 ซม. หากต้องการเผื่อพื้นที่ 1 ซม. รอบด้าน ขนาดกล่องที่เหมาะสมควรเป็น (10+2) x (15+2) x (5+2) = 12 x 17 x 7 ซม.

แนะนำในการเลือกขนาดกล่องให้เหมาะสมกับการขนส่ง

  • การเลือกขนาดกล่องให้พอดีกับสินค้า: การเลือกกล่องที่มีขนาดพอดีกับสินค้าจะช่วยลดการเคลื่อนที่ของสินค้าภายในกล่อง ลดความเสี่ยงต่อความเสียหาย และยังช่วยลดปริมาณวัสดุกันกระแทกที่ต้องใช้
  • การลดต้นทุนค่าขนส่ง: บริษัทขนส่งส่วนใหญ่คิดค่าบริการตามขนาดและน้ำหนักของพัสดุ การเลือกกล่องที่มีขนาดเหมาะสมจะช่วยลดปริมาตรของพัสดุ ซึ่งจะส่งผลให้ค่าขนส่งถูกลง

สรุป

การเลือกขนาดกล่องบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสินค้า เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยปกป้องสินค้า ลดความเสียหายระหว่างการขนส่ง และช่วยประหยัดต้นทุนค่าขนส่ง ขนาดกล่องที่นิยมใช้ในท้องตลาด เช่น กล่องอาร์ตการ์ด กล่องลูกฟูก และกล่องทรงกระบอก ล้วนมีขนาดที่หลากหลายตามความต้องการของสินค้า การวัดขนาดสินค้าอย่างถูกต้อง พร้อมเผื่อพื้นที่สำหรับวัสดุกันกระแทก จะช่วยให้เลือกกล่องได้พอดีกับสินค้า และลดความเสี่ยงต่อความเสียหายขณะขนส่ง ทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูเป็นมืออาชีพและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้มากขึ้น