ฉลากอาหาร มีเครื่องหมายอะไรบ้างที่แสดงถึงคุณภาพและความปลอดภัย
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมเราถึงมั่นใจได้ว่าอาหารที่ซื้อมากินนั้นปลอดภัยและมีคุณภาพ? คำตอบส่วนหนึ่งอยู่ที่ “ฉลากอาหาร” เล็กๆ นั่นเอง เครื่องหมายต่างๆ บนฉลากอาหารเปรียบเสมือนป้ายบอกทางที่ช่วยให้ผู้บริโภคอย่างเราๆ เลือกซื้ออาหารได้อย่างมั่นใจมากขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปไขความลับของเครื่องหมายเหล่านั้น เพื่อที่คุณจะได้เป็นผู้บริโภคที่ฉลาดและเลือกซื้ออาหารได้อย่างถูกต้อง
เครื่องหมายบนฉลากอาหารที่สำคัญ
1.เครื่องหมายรับรองจากหน่วยงานรัฐ
- อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา): เมื่อเห็นเครื่องหมาย อย. บนฉลากอาหาร แสดงว่าผลิตภัณฑ์นั้นผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐแล้วว่าปลอดภัยต่อการบริโภค อย. จะทำการตรวจสอบทั้งส่วนผสม วิธีการผลิต และการบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารนั้นเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด
- เครื่องหมายอื่นๆ: นอกจากเครื่องหมาย อย. แล้ว ยังมีเครื่องหมายรับรองจากหน่วยงานรัฐอื่นๆ อีก เช่น เครื่องหมายรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งบ่งบอกว่าผลิตภัณฑ์นั้นผลิตโดยชุมชนและมีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด
2.มาตรฐานสากล
ในโลกที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์อาหารและยา มาตรฐานสากลต่างๆ เช่น GMP (Good Manufacturing Practice) และ HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Point) ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อรับรองว่าผลิตภัณฑ์ที่เราบริโภคมีคุณภาพสูงและปลอดภัยต่อสุขภาพ
GMP (Good Manufacturing Practice)
GMP คือหลักการผลิตที่ดีซึ่งมุ่งเน้นการควบคุมกระบวนการผลิตในทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย โดยมีจุดประสงค์หลักในการป้องกันความเสี่ยงจากการปนเปื้อนและการไม่ถูกต้องในกระบวนการผลิต ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคได้
- การควบคุมคุณภาพ: GMP กำหนดมาตรฐานในการควบคุมคุณภาพทั้งในกระบวนการผลิตและการทดสอบ โดยต้องมีเอกสารที่ชัดเจนเพื่อยืนยันว่ากระบวนการต่างๆ ได้รับการดำเนินการตามมาตรฐานที่กำหนด
- ความสะอาดและสุขอนามัย: การรักษาความสะอาดในสถานที่ผลิตเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากเชื้อโรคหรือสารอันตราย ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์สุดท้ายมีความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค
- การฝึกอบรมบุคลากร: บุคลากรที่ทำงานในสายการผลิตจะต้องได้รับการฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เข้าใจในกระบวนการผลิตและมาตรฐานที่ต้องปฏิบัติตาม
HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Point)
HACCP เป็นระบบที่มุ่งเน้นการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุมในกระบวนการผลิตอาหาร ซึ่งช่วยให้ผู้ผลิตสามารถระบุและควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้
- วิเคราะห์อันตราย: ขั้นตอนแรกของ HACCP คือการระบุอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการผลิต ซึ่งรวมถึงอันตรายทางชีวภาพ เคมี และกายภาพ
- กำหนดจุดควบคุม: หลังจากระบุอันตรายแล้ว ผู้ผลิตจะต้องกำหนดจุดควบคุมที่สำคัญ (CCPs) ที่สามารถใช้ในการควบคุมหรือกำจัดความเสี่ยงนั้นได้
- ติดตามและตรวจสอบ: HACCP ต้องมีระบบติดตามและตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าจุดควบคุมต่างๆ ถูกดำเนินการตามมาตรฐาน และหากพบความผิดปกติ จะต้องมีมาตรการแก้ไขทันที
3.เครื่องหมายรับรองอื่นๆ
- ฮาลาล: เหมาะสำหรับผู้บริโภคที่นับถือศาสนาอิสลาม เครื่องหมายนี้รับรองว่าผลิตภัณฑ์นั้นผลิตขึ้นตามหลักการทางศาสนาอิสลาม และไม่มีส่วนผสมที่ขัดต่อหลักการดังกล่าว
- ฉลากเขียว: บ่งบอกว่าผลิตภัณฑ์นั้นผลิตขึ้นโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยใช้กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และบรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้
- ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก: ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นจากวัตถุดิบที่ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ใดๆ
ข้อมูลที่ควรดูบนฉลากอาหาร
การอ่านฉลากอาหารเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ผู้บริโภคเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย โดยข้อมูลที่ควรดูบนฉลากอาหารมีหลายประการที่สำคัญ ซึ่งแต่ละข้อสามารถขยายความได้ดังนี้
1.ส่วนประกอบ
การอ่านฉลากส่วนประกอบจะช่วยให้คุณทราบว่าอาหารนั้นมีส่วนผสมอะไรบ้าง รวมถึงสารที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้
- รู้จักส่วนผสม: รายการส่วนผสมจะแสดงถึงวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหาร โดยจะเรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อย ซึ่งช่วยให้คุณทราบถึงคุณภาพของอาหาร เช่น หากส่วนผสมแรกคือ “เนื้อสัตว์” แสดงว่าอาหารนั้นมีเนื้อสัตว์เป็นหลัก ในขณะที่หากส่วนผสมแรกคือ “แป้ง” อาจหมายความว่าอาหารนั้นมีเนื้อสัตว์น้อย
- สารก่อภูมิแพ้: หากคุณมีอาการแพ้ต่อสารบางชนิด เช่น ถั่วลิสง, กลูเตน หรือผลิตภัณฑ์นม ควรตรวจสอบว่ามีสารเหล่านี้อยู่ในรายการส่วนผสมหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการบริโภคที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้
2.วันผลิตและวันหมดอายุ
การตรวจสอบวันผลิตและวันหมดอายุเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้มั่นใจว่าอาหารยังสดใหม่และปลอดภัย
- วันผลิต: วันผลิตบ่งบอกถึงวันที่อาหารถูกผลิตขึ้น ซึ่งสามารถช่วยให้คุณทราบถึงความสดใหม่ของสินค้า อาหารที่มีวันผลิตใหม่กว่ามักจะมีคุณภาพดีกว่า
- วันหมดอายุ: วันหมดอายุเป็นวันที่ผู้ผลิตรับประกันว่าผลิตภัณฑ์จะยังคงมีคุณภาพตามมาตรฐาน หากเกินวันหมดอายุ อาหารอาจไม่ปลอดภัยต่อการบริโภค และอาจสูญเสียรสชาติหรือคุณค่าทางโภชนาการ
3.วิธีการเก็บรักษา
ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการเก็บรักษาที่ระบุบนฉลากสามารถช่วยยืดอายุการเก็บรักษาของอาหารและรักษาคุณภาพได้
- วิธีการเก็บรักษา: ฉลากมักจะแนะนำวิธีการเก็บรักษาที่เหมาะสม เช่น การแช่เย็นหรือแช่แข็ง เพื่อป้องกันการเน่าเสียและรักษาคุณค่าทางโภชนาการของอาหาร ตัวอย่างเช่น อาหารสดควรเก็บในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิระหว่าง 0-4 องศาเซลเซียส
- ผลกระทบจากการเก็บรักษาที่ไม่ถูกต้อง: หากเก็บอาหารในสภาพที่ไม่เหมาะสม เช่น การเก็บในที่ร้อนหรือชื้น อาจทำให้เกิดเชื้อราและแบคทีเรีย ส่งผลให้คุณภาพของอาหารลดลงและอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
สรุป
การเลือกซื้ออาหารที่ดีและปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพของเรา ฉลากอาหารจึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง การรู้จักเครื่องหมายต่างๆ บนฉลากอาหาร จะช่วยให้เราเลือกซื้ออาหารที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของเราได้มากขึ้น