7 ข้อจำเป็นที่ต้องรู้เกี่ยวกับ ฉลากอาหาร
เคยสังเกตไหมคะว่า ทุกครั้งที่เราไปซูเปอร์มาร์เก็ต จะต้องเจอกับฉลากอาหารมากมายเต็มไปหมด ตัวเลข, คำศัพท์แปลกๆ ทำให้เราต้องหยุดคิดว่าจะเลือกอะไรดี? รู้ไหมคะว่า ฉลากอาหารเหล่านี้ไม่ได้มีไว้แค่บอกชื่ออาหาร แต่ยังเป็นเหมือนรหัสลับที่บอกถึงคุณค่าทางอาหารและส่วนผสมต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ภายใน ถ้าอยากรู้ว่าจะอ่านฉลากอาหารให้เข้าใจอย่างไรบ้าง มาดูในบทความนี้กันเลยค่ะ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ต้องมีบนฉลากอาหาร มีอะไรบ้าง?
1.ชื่ออาหารและปริมาณสุทธิ
ชื่ออาหารบนฉลากไม่เพียงแต่บอกว่าอาหารนั้นคืออะไร แต่ยังบ่งบอกถึงประเภทและชนิดของอาหาร เช่น นมวัว, นมถั่วเหลือง หรือโยเกิร์ต ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจลักษณะของผลิตภัณฑ์ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ปริมาณสุทธิที่ระบุบนฉลากมีความสำคัญในการเปรียบเทียบราคาต่อหน่วยของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น
2.ส่วนประกอบ
ส่วนประกอบของอาหารจะถูกเรียงลำดับตามปริมาณที่มากที่สุดอยู่ด้านบน ซึ่งหมายความว่าผู้บริโภคสามารถตรวจสอบได้ง่ายหากมีการแพ้อาหารชนิดใด นอกจากนี้ การรู้จักส่วนประกอบยังช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกอาหารที่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติและมีประโยชน์ต่อสุขภาพได้มากขึ้น
3.ฉลากโภชนาการ
ฉลากโภชนาการให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับพลังงาน ไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรตในอาหาร การอ่านฉลากโภชนาการอย่างละเอียดช่วยให้ผู้บริโภคสามารถควบคุมปริมาณการบริโภคอาหารแต่ละกลุ่มได้อย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพ
4.วันผลิตและวันหมดอายุ
ข้อมูลเกี่ยวกับวันผลิตและวันหมดอายุเป็นสิ่งสำคัญที่บ่งบอกถึงความสดใหม่และคุณภาพของอาหาร การเลือกซื้ออาหารที่มีวันหมดอายุกำหนดไว้นานเกินไปอาจทำให้ได้รับอาหารที่มีคุณภาพต่ำหรือบูดเสียได้ ดังนั้น ผู้บริโภคควรตรวจสอบวันหมดอายุเสมอ
5.วิธีการเก็บรักษา
ฉลากอาหารจะระบุวิธีการเก็บรักษาที่เหมาะสมสำหรับอาหารแต่ละชนิด เช่น การเก็บในที่เย็นหรือในตู้เย็น การปฏิบัติตามวิธีการเก็บรักษาที่ระบุจะช่วยยืดอายุของอาหารและรักษาคุณค่าทางโภชนาการได้
6.คำเตือนและข้อควรระวัง
ฉลากอาหารบางชนิดอาจมีคำเตือนหรือข้อควรระวัง เช่น สำหรับผู้แพ้อาหาร หรือคำเตือนเกี่ยวกับการปรุงอาหาร การอ่านคำเตือนเหล่านี้จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถบริโภคอาหารได้อย่างปลอดภัยและหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น
7.ฉลากอาหารที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ตามกฎหมาย ฉลากอาหารต้องแสดงข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน หากพบว่าฉลากอาหารใดมีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือทำให้เข้าใจผิด ผู้บริโภคสามารถแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่งช่วยในการปกป้องสิทธิของผู้บริโภคและส่งเสริมความโปร่งใสในตลาดอาหาร
ข้อกฎหมายเกี่ยวกับฉลากอาหารเบื้องต้น
ฉลากอาหารเป็นเหมือนป้ายบอกทางที่ช่วยให้ผู้บริโภคเลือกซื้ออาหารได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย โดยในประเทศไทยมีกฎหมายที่ควบคุมการแสดงฉลากอาหารอย่างเข้มงวด เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคและสร้างความเป็นธรรมในตลาดอาหาร
กฎหมายหลักที่เกี่ยวข้องกับฉลากอาหาร ได้แก่
- พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522: เป็นกฎหมายหลักที่กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการผลิต จำหน่าย และควบคุมอาหาร รวมถึงการแสดงฉลากอาหารด้วย
- ประกาศกระทรวงสาธารณสุข: มีประกาศหลายฉบับที่ออกตามมาจากพระราชบัญญัติอาหาร โดยเฉพาะประกาศที่เกี่ยวข้องกับการแสดงฉลากอาหาร เช่น การแสดงฉลากโภชนาการ การแสดงส่วนประกอบ การแสดงวันผลิตและวันหมดอายุ เป็นต้น
ข้อกำหนดสำคัญในฉลากอาหาร
- ชื่ออาหาร: ต้องระบุชื่ออาหารให้ชัดเจนและตรงกับความเป็นจริง
- ปริมาณสุทธิ: ต้องระบุปริมาณสุทธิของอาหารที่บรรจุในภาชนะ
- ส่วนประกอบ: ต้องระบุส่วนประกอบทั้งหมดที่ใช้ในการผลิตอาหาร โดยเรียงลำดับจากปริมาณมากไปน้อย
- ฉลากโภชนาการ: ต้องแสดงข้อมูลทางโภชนาการ เช่น พลังงาน ไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต น้ำตาล และโซเดียม
- วันผลิตและวันหมดอายุ: ต้องระบุวันผลิตและวันหมดอายุของอาหารอย่างชัดเจน
- ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้บรรจุ: ต้องระบุชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้บรรจุอาหาร
- คำเตือนและข้อควรระวัง: หากอาหารมีส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ หรือมีข้อควรระวังในการบริโภค ต้องระบุให้ชัดเจน
เหตุผลที่ต้องมีกฎหมายควบคุมฉลากอาหาร
- คุ้มครองผู้บริโภค: เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอในการตัดสินใจเลือกซื้ออาหาร
- สร้างความเป็นธรรมในตลาด: เพื่อป้องกันการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม และป้องกันการหลอกลวงผู้บริโภค
- ส่งเสริมสุขภาพ: เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้ออาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพได้
คำแนะนำเพิ่มเติมในการอ่านฉลากก่อนตัดสินใจซื้อ
1.เปรียบเทียบฉลาก
ก่อนตัดสินใจซื้อ ลองเปรียบเทียบฉลากของผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกัน เช่น ขนมขบเคี้ยวหลายยี่ห้อ เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุด โดยดูจากปริมาณพลังงาน ไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรตต่อหนึ่งหน่วยบริโภค การเปรียบเทียบช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ใดตรงกับความต้องการและเหมาะสมกับสุขภาพของตัวเองมากที่สุด
2.อ่านฉลากอย่างละเอียด
ใช้เวลาสักนิดในการอ่านฉลากให้เข้าใจ ไม่เพียงแค่ส่วนประกอบหลัก แต่ยังรวมถึงข้อมูลทางโภชนาการ เช่น ปริมาณพลังงานและสารอาหารต่างๆ และคำเตือนต่างๆ ด้วย เช่น สำหรับผู้แพ้อาหาร หรือคำเตือนเกี่ยวกับการปรุงอาหาร การอ่านอย่างละเอียดช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าอาหารนั้นเหมาะสมและปลอดภัยสำหรับตัวเอง
3.ศึกษาฉลากอาหารเพิ่มเติม
หากต้องการความรู้เกี่ยวกับฉลากอาหารเชิงลึกมากขึ้น สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง หรือบทความวิชาการจากนักโภชนาการหรือนักวิทยาศาสตร์อาหาร การศึกษาเพิ่มเติมช่วยให้ผู้บริโภคมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับฉลากอาหารมากขึ้น สามารถเลือกซื้ออาหารได้อย่างชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น
สรุป
การอ่านฉลากอาหารเป็นทักษะที่สำคัญมาก เพราะช่วยให้เราเลือกซื้ออาหารที่เหมาะสมกับความต้องการและสุขภาพของเราได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ ยังเป็นการปกป้องสิทธิของเราในฐานะผู้บริโภคอีกด้วย ดังนั้น ก่อนตัดสินใจหยิบผลิตภัณฑ์ใดๆ ลงตะกร้า อย่าลืมอ่านฉลากอาหารให้ละเอียดก่อนนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
วัสดุที่นิยมทำฉลากอาหาร มีอะไรบ้าง?