สติ๊กเกอร์ สคบ. และ ฉลาก สคบ. คืออะไร ต้องใส่ข้อมูลอะไรบ้าง

สติ๊กเกอร์ สคบ. และ ฉลาก สคบ. คืออะไร ต้องใส่ข้อมูลอะไรบ้าง

สติ๊กเกอร์ สคบ. หรือ ฉลาก สคบ. คืออะไร? สรุปกฎหมาย ม.30–31 เช็กลิสต์ข้อมูลต้องมี ข้อกำหนดรายหมวด และขั้นตอนขออนุญาตแบบ Step-by-Step

Key Takeaways

  • ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “ฉลากควบคุม” ของ สคบ. และเหตุผลที่ธุรกิจต้องปฏิบัติตามเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางกฎหมาย
  • เช็กลิสต์รายการตรวจฉลากให้ครบ : ชื่อสินค้า, ส่วนประกอบ, วิธีใช้, คำเตือน, วันผลิต/หมดอายุ ฯลฯ
  • รู้กฎหมายหลัก : พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 30–31, ประกาศลักษณะของฉลาก และข้อกำหนดรายหมวดสินค้า
  • ปฏิบัติได้จริงด้วยขั้นตอนยื่นอนุญาต (ออนไลน์/ออฟไลน์) , รายการเอกสาร , ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย
  • แยกให้ชัด สคบ. vs อย. vs มอก. พร้อมแนวปฏิบัติสำหรับแบรนด์และสิทธิสำหรับผู้บริโภค

ทุกวันนี้มีสินค้าที่หลากหลายและมีการแข่งขันกันมากขึ้น การสื่อสารบนบรรจุภัณฑ์จึงไม่ใช่แค่เรื่องสวยงาม แต่คือความถูกต้องและความปลอดภัยของผู้บริโภคโดยตรง สติ๊กเกอร์ สคบ. / ฉลาก สคบ. คือกรอบกติกาที่กำหนดให้ข้อมูลสินค้าต้องถูกต้อง ครบถ้วน และตรวจสอบได้ บทความนี้สรุปรวมทุกอย่างที่ต้องรู้ ตั้งแต่ความหมาย ข้อกฎหมาย แนวทางปฏิบัติ ไปจนถึงวิธีขออนุญาตฉลาก — อ่านจบทำตามได้ทันที

ฉลาก สคบ. คืออะไร ทำไมจึงสำคัญ

สารบัญเนื้อหา

ฉลาก สคบ. หรือที่หลายคนเรียกว่า สติ๊กเกอร์ สคบ. คือ ฉลากที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กำหนดให้ต้องติดบนสินค้าในกลุ่ม “ควบคุมฉลาก” จุดประสงค์หลักไม่ใช่แค่เพื่อบอกข้อมูลสินค้าเท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่ปกป้องผู้บริโภคจากการได้รับข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนหรือบิดเบือน

ฉลากที่ถูกต้องช่วยผู้บริโภคในด้านต่างๆ

  • การตัดสินใจอย่างมีข้อมูล เพราะผู้บริโภคเห็นรายละเอียดครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ชื่อสินค้า ส่วนประกอบ วิธีใช้ ไปจนถึงคำเตือน
  • ลดความเสี่ยงในการถูกเอารัดเอาเปรียบ ป้องกันการปกปิดข้อมูลสำคัญ เช่น สารก่อภูมิแพ้ หรือ การกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง
  • มั่นใจในความปลอดภัยและคุณภาพ เพราะสินค้าที่อยู่ภายใต้การควบคุมต้องเปิดเผยข้อมูลตามมาตรฐาน

ในมุมของผู้ประกอบการ ฉลากที่ทำถูกต้องคือการ “ลงทุนสร้างความเชื่อมั่น” ไม่ใช่แค่ทำตามกฎหมาย แต่ยังช่วยป้องกันความเสี่ยงร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น เช่น การถูกปรับหลักหมื่นถึงแสนบาท การถูกดำเนินคดีอาญา หรือแม้กระทั่งการสูญเสียชื่อเสียงของแบรนด์ นอกจากนี้ ฉลากที่ครบถ้วนยังกลายเป็นเครื่องมือที่สร้างความโปร่งใส ทำให้ธุรกิจได้เปรียบคู่แข่งที่ละเลยเรื่องนี้

ขวดดรอปเปอร์สีน้ำตาลสามใบวางเรียง แสดงฉลากด้านหลัง ด้านหน้า และตาราง Supplement Facts บนพื้นไม้

ใครต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดฉลาก สคบ. บ้าง

สินค้าในกลุ่ม “ควบคุมฉลาก” ที่ระบุโดยคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก เนื่องจากหากข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือไม่ชัดเจนอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ได้แก่

  • อาหารและเครื่องดื่ม เช่น อาหารสำเร็จรูป, นม, น้ำผลไม้ (ส่วนใหญ่จะควบคุมโดย อย. แต่ สคบ. กำกับเรื่องการแสดงข้อความบนฉลาก)
  • เครื่องสำอาง เช่น ครีมบำรุงผิว, แชมพู, ลิปสติก
  • เครื่องใช้ไฟฟ้าบางประเภท เช่น หม้อหุงข้าว, กาต้มน้ำ, เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน
  • สินค้าอันตราย/สารเคมี เช่น สารทำความสะอาด, ยาฆ่าแมลง, วัตถุไวไฟ

ข้อยกเว้น: ในบางกรณีอาจมีข้อยกเว้น เช่น สินค้าที่ผลิตเพื่อการส่งออกโดยเฉพาะ หรือสินค้าที่ได้รับการยกเว้นเป็นพิเศษตามกฎหมาย ข้อแนะนำคือผู้ประกอบการควรตรวจสอบข้อมูลอย่างสม่ำเสมอกับ ประกาศล่าสุดของ สคบ. เนื่องจากรายการสินค้าควบคุมอาจมีการปรับปรุงอยู่เสมอ

กรอบกฎหมาย พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค ม. 30–31 และบทลงโทษ

การจัดทำฉลากที่ถูกต้องไม่ได้เป็นเพียงแนวทางปฏิบัติ แต่เป็นข้อบังคับตามกฎหมายที่ชัดเจน พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) คือพื้นฐานสำคัญ:

  • มาตรา 30 ให้อำนาจแก่ “คณะกรรมการว่าด้วยฉลาก” ในการกำหนดประเภทสินค้าที่ควบคุมฉลาก และกำหนดรายละเอียดของข้อมูลที่ต้องแสดง
  • มาตรา 31 กำหนดให้เป็น “หน้าที่ของผู้ประกอบธุรกิจ” ที่ต้องจัดทำฉลากให้ถูกต้องตามข้อกำหนดทุกประการ

นอกจากนี้ ยังมี ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก (เช่น “ลักษณะของฉลากสินค้าที่ควบคุมฉลาก พ.ศ. 2541” และประกาศปรับปรุง) ที่ระบุรายละเอียดเชิงปฏิบัติอย่างชัดเจน ทั้งเรื่อง รูปแบบ ภาษา ขนาดตัวอักษร และข้อมูลบังคับ ที่ต้องมีบนฉลากสินค้าแต่ละประเภท

บทลงโทษ สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องระวัง

การละเลยหรือการแสดงฉลากที่ไม่ถูกต้องถือเป็นความผิดทางกฎหมายซึ่งมีบทลงโทษที่รุนแรง โดยอาจเป็นได้ทั้ง โทษปรับ โทษจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งความหนักเบาจะขึ้นอยู่กับฐานความผิดและสถานะของผู้กระทำ (เช่น ผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือผู้สั่งทำ อาจได้รับโทษที่หนักกว่า)

เช็กลิสต์ข้อมูลที่ต้องมีบนฉลาก

การทำฉลากสินค้าให้ถูกต้องตามกฎหมาย สคบ. ไม่ใช่แค่การใส่ข้อมูลให้ครบ แต่คือการป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมายและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค นี่คือ รายการข้อมูลบังคับ (Mandatory Information) ที่ผู้ประกอบการต้องตรวจสอบว่ามีครบถ้วนบนบรรจุภัณฑ์สินค้าทุกชิ้นก่อนนำออกจำหน่าย

สติ๊กเกอร์แบรนด์ Morning Brew พิมพ์ชุดเป็นแผ่น มีชื่อสินค้า โลโก้รูปถ้วยกาแฟ และบาร์โค้ด

1) ชื่อสินค้า & ชนิด/ประเภท

หลักคิด: ชื่อและชนิดต้องสะท้อน “สิ่งที่ผู้บริโภคได้รับจริง” หลีกเลี่ยงถ้อยคำโอ้อวด/อ้างสรรพคุณเกินจริง

ตัวอย่าง

  • ดี: น้ำยาล้างจาน สูตรเข้มข้น กลิ่นเลมอน
  • ไม่ดี: น้ำยาล้างจานมหัศจรรย์ กำจัดแบคทีเรีย 100% (อ้างเกินจริง/ขาดหลักฐาน)

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย: ตั้งชื่อเชิงการตลาดจนทำให้ “ชนิดสินค้า” เลือนหาย ผู้บริโภคตีความผิด

Tips: ใช้คำที่เป็นกลางและอธิบายลักษณะสินค้าตรงไปตรงมา หากต้องการเน้นจุดเด่น ให้ระบุในส่วน “คุณสมบัติ” แยกจากชื่อหลัก

2) ปริมาณ/ขนาด/น้ำหนักสุทธิ (หน่วยเมตริก)

หลักคิด: ระบุหน่วยให้สอดคล้องกับลักษณะสินค้า (มล./ลิตร/กรัม/กิโลกรัม/ชิ้น) และระบุชัดว่าเป็น “สุทธิ”

ตัวอย่าง

  • ดี: ปริมาณสุทธิ 500 มล.
  • ดี: น้ำหนักสุทธิ 1 กก.
  • ดี: 10 ซอง × 20 กรัม (น้ำหนักสุทธิ 200 กรัม)

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย: ระบุเฉพาะปริมาณรวมโดยไม่แยกจำนวนหน่วย หรือใช้หน่วยที่ไม่ได้มาตรฐาน (เช่น ออนซ์โดยไม่แปลงเป็นกรัม)

Tips: สินค้าชิ้นเล็กหลายหน่วย ให้แยก “สุทธิทั้งหมด” กับ “จำนวนต่อหน่วย” เพื่อความชัดเจน วางตัวเลขให้เด่นและอ่านง่าย

3) ส่วนประกอบ/ส่วนผสม

หลักคิด: เรียงตามปริมาณจากมากไปน้อย สินค้าที่เสี่ยงแพ้ต้องระบุสารก่อภูมิแพ้ชัดเจน

ตัวอย่าง

  • ดี: น้ำ, กลีเซอรีน, โซเดียมลอริลอีเทอร์ซัลเฟต, น้ำหอม, สีผสมอาหาร (INS 102)
  • ดี (เครื่องสำอาง INCI): Water, Glycerin, Sodium Laureth Sulfate, Fragrance, CI 19140
  • ไม่ดี: ส่วนผสมพิเศษจากธรรมชาติ, สารสกัดออร์แกนิค (ไม่ระบุชื่อสารชัดเจน)

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย: ไม่ระบุสารเติมแต่ง ใช้ชื่อเฉพาะภายใน/ชื่อการค้าแทนชื่อสารที่ผู้บริโภคเข้าใจ หรือไม่เตือนสารก่อภูมิแพ้

Tips: สำหรับเครื่องสำอาง แนะนำใช้ชื่อมาตรฐาน INCI เพื่อสอดคล้องสากล หากมีสารก่อภูมิแพ้ให้ขีดเส้นใต้หรือทำตัวหนา

4) วิธีใช้/คำแนะนำการใช้

หลักคิด: เขียนแบบ “คำสั่งชัดเจน + ลำดับขั้น” เพื่อให้ทำได้ถูกต้องและปลอดภัย

ตัวอย่าง

  • ดี: เทผลิตภัณฑ์ 5 มล. ลงบนฟองน้ำ ล้างจานตามปกติ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ใช้ทุกครั้งหลังมื้ออาหาร
  • ดี: ทาครีมบางๆ ที่ใบหน้าและลคอ เช้า-เย็น หลังทำความสะอาดผิว หลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตา
  • ไม่ดี: ใช้ตามต้องการ (ไม่มีขั้นตอนชัดเจน)

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย: คำแนะนำคลุมเครือ ไม่ระบุปริมาณหรือความถี่ หรือข้ามขั้นตอนสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพ/ความปลอดภัย

Tips: ใช้รูปแบบ กริยาเริ่มต้น → ปริมาณ/ความถี่ → ข้อจำกัด เรียงลำดับเป็นหมายเลข 1, 2, 3 ถ้ามีหลายขั้นตอน

5) คำเตือน/ข้อควรระวัง

หลักคิด: ชี้ความเสี่ยงสำคัญ และสิ่งที่ห้ามทำ + แนวทางจัดเก็บ/กำจัด

ตัวอย่าง

  • ดี: เก็บให้พ้นมือเด็ก
  • ดี: หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตา หากเข้าตาให้ล้างด้วยน้ำสะอาดจำนวนมาก
  • ดี: ห้ามรับประทาน หากเผลอกลืนกินให้รีบนำส่งแพทย์พร้อมภาชนะ/ฉลาก
  • ดี: เก็บในที่แห้งและเย็น ห้ามใช้ภาชนะบรรจุอาหาร

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย: ระบุคำเตือนไม่ครบถ้วน ไม่มีแนวทางแก้ไขเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือไม่แจ้งวิธีจัดเก็บที่ถูกต้อง

Tips: ใช้ไอคอนความปลอดภัย (เช่น ระวังไฟ/สารระคายเคือง) ช่วยสื่อสารเร็วขึ้น แต่ต้องไม่แทนที่ข้อความหลัก ใช้สีแดงหรือกรอบเตือนเพื่อดึงความสนใจ

6) วันผลิต/วันหมดอายุ/วันควรบริโภคก่อน

หลักคิด: ใช้รูปแบบวันที่แบบเดียวกัน อ่านชัด ไม่พิมพ์ทับรอยพับ/แนวซีล

ตัวอย่าง

  • ดี: ผลิต: 01/09/2025 | หมดอายุ: 01/09/2027
  • ดี: MFD: 01 SEP 2025 | EXP: 01 SEP 2027
  • ดี: LOT: 2025090145
  • ไม่ดี: 010925 (คลุมเครือ ไม่แน่ใจว่าเป็นวัน/เดือน/ปีไหน)

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย: ใช้รูปแบบวันที่ไม่สากล พิมพ์ซ้อนกับแนวตัด/พับทำให้อ่านไม่ออก หรือไม่มี LOT number สำหรับการตรวจสอบย้อนกลับ

Tips: แยก LOT/Batch จาก MFD/EXP ชัดเจน เพื่อรองรับการเรียกคืนสินค้า (traceability) ใช้ตัวอักษรขนาดใหญ่และตัวหนาเพื่อให้เห็นชัดเจน

7) ชื่อและที่อยู่ผู้ผลิต/ผู้นำเข้า/ผู้จัดจำหน่าย

หลักคิด: ระบุข้อมูลติดต่อที่ใช้จริง (ชื่อบริษัทเต็ม, ที่อยู่, อีเมล/โทรศัพท์/เว็บไซต์)

ตัวอย่าง

  • ดี: บริษัท เอ บี ซี จำกัด 123/45 ถ.ตัวอย่าง แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. 10400 โทร. 0-2345-6789 www.abccompany.co.th
  • ดี: ผลิตโดย: [ชื่อบริษัท] | จำหน่ายโดย: [ชื่อบริษัท] พร้อมที่อยู่ครบถ้วน
  • ไม่ดี: ABC Brand | @abcbrand (ไม่มีนิติบุคคล/ที่อยู่จริง)

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย: ใช้เพียงชื่อแบรนด์/เพจ โดยไม่มีนิติบุคคล/ช่องทางติดต่อจริง ไม่แยกชัดระหว่างผู้ผลิตกับผู้จัดจำหน่าย

Tips: หากเป็นสินค้านำเข้า ต้องระบุทั้ง “ผู้ผลิตต่างประเทศ” และ “ผู้นำเข้าในประเทศไทย” ให้ข้อมูลครบทั้งสองฝ่าย

8) เลขอนุญาต/เลขจดแจ้ง/เลขสารบบ (ตามหมวด)

หลักคิด: แสดงเลขทางการที่เกี่ยวข้องกับประเภทสินค้า (เช่น เลขสารบบอาหาร 13 หลัก, เลขที่ใบรับแจ้งเครื่องสำอาง)

ตัวอย่าง

  • ดี (อาหาร): เลขสารบบอาหาร: 10-1-12345-6-0001
  • ดี (เครื่องสำอาง): เลขที่ใบรับแจ้ง: 10-1-6100012345
  • ดี (ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด): เลขจดแจ้ง: 12-3-1234567890
  • ไม่ดี: รอดำเนินการ / ไม่ระบุ

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย: ไม่มีเลขทางการ ใช้เลขไม่ตรงกับประเภทสินค้า หรือวางตำแหน่งที่หายาก ผู้บริโภคหาไม่เจอ

Tips: วางใกล้ข้อมูลเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือใกล้ตารางโภชนาการ เพื่อให้ผู้บริโภคค้นพบได้ง่ายและตรวจสอบได้ ควรมีคำนำหน้าชัดเจน เช่น “เลขสารบบอาหาร:”

9) ภาษาไทยเป็นหลัก

หลักคิด: ข้อมูลบังคับทุกรายการต้องมีภาษาไทย หากต้องการใช้ 2 ภาษาควบคู่ ต้องแปลให้ตรงความหมายและครบถ้วนเท่ากันทั้งสองภาษา

ตัวอย่าง

  • ดี: วิธีใช้: เทลงบนฟองน้ำ ล้างจานตามปกติ | Directions: Pour onto sponge, wash dishes as usual
  • ดี: ส่วนประกอบ: น้ำ, กลีเซอรีน, โซเดียมลอริลซัลเฟต | Ingredients: Water, Glycerin, Sodium Lauryl Sulfate
  • ไม่ดี: วิธีใช้: เทลงบนฟองน้ำ | Directions: Pour onto sponge, scrub thoroughly, rinse with clean water, and dry (ภาษาอังกฤษมีรายละเอียดมากกว่า)

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย: แปลไม่ตรงความหมาย แปลบางส่วนแล้วข้ามบางส่วน หรือใช้แต่ภาษาอังกฤษโดยไม่มีภาษาไทย

Tips: จัดวางแบบบล็อกซ้ายภาษาไทย/ขวาภาษาอังกฤษ หรือบรรทัดไทยก่อน–ต่างประเทศถัดไป ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหาครบและตรงกันทั้งสองภาษา ใช้ขนาดตัวอักษรเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน

10) รูปแบบการแสดงผล (อ่านง่ายจริง)

หลักคิด: ออกแบบให้อ่านง่าย มองเห็นชัด และไม่สูญหายจากข้อบกพร่องทางการผลิต

ตัวอย่าง

  • ดี: ใช้สีดำบนพื้นขาว (คอนทราสต์สูง)
  • ดี: ตัวอักษรขนาด 8pt ขึ้นไปสำหรับข้อความบังคับ
  • ดี: Safe area 5 มม. รอบข้อความสำคัญ
  • ไม่ดี: ตัวหนังสือสีเทาอ่อนบนพื้นเทาเข้ม (คอนทราสต์ต่ำ)
  • ไม่ดี: วันหมดอายุทับขอบตัด/รอยพับ

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย: คอนทราสต์ต่ำเกินไป ตัวอักษรเล็กจนอ่านไม่ออก ข้อความสำคัญวางใกล้ขอบตัด/พับ หรือใช้รูปแบบ raster ที่เบลอเวลาพิมพ์เล็ก

Tips

  • ใช้คอนทราสต์สี สูงพอ (พื้น–ตัวอักษรตัดกัน)
  • ขนาดตัวอักษรเหมาะกับพื้นที่และระยะการอ่านบนชั้นวาง
  • ระวัง “ขอบตัด/พับ/ซีล” ไม่ทับข้อความบังคับ
  • จัดวางด้วย Grid 8pt/4pt ให้สม่ำเสมอ
  • ตั้ง Safe area ≥ 3–5 มม. รอบข้อความบังคับ
  • ใช้เวกเตอร์/เส้นคม (100% K) สำหรับตัวอักษรเล็ก
  • พิมพ์ตัวอย่างทดลอง (mockup) ตรวจความชัดก่อนผลิตจริง

ข้อกำหนดเฉพาะรายหมวดสินค้า

นอกจากข้อมูลบังคับทั่วไปแล้ว สินค้าแต่ละหมวดจะมีข้อกำหนดพิเศษที่ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตาม เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายเฉพาะที่เกี่ยวข้อง

1. อาหารและเครื่องดื่ม

  • ต้องแสดงตารางโภชนาการ (ถ้าเข้าข่ายบังคับ)
  • ระบุ สารก่อภูมิแพ้ (Allergen) อย่างชัดเจน
  • แสดง เลขสารบบอาหาร (เลข อย. 13 หลัก)
  • ระบุ วันผลิต และ วันหมดอายุ/ควรบริโภคก่อน ที่ชัดเจน

2. เครื่องสำอาง

  • รายชื่อส่วนผสมต้องใช้ชื่อมาตรฐานสากล INCI (International Nomenclature of Cosmetic Ingredients)
  • ต้องระบุ วิธีใช้ และ คำเตือน ที่จำเป็น
  • แสดง เลขที่ใบรับแจ้ง จาก อย.

3. เครื่องใช้ไฟฟ้า

  • ระบุ แรงดันไฟฟ้า (V) และ กำลังไฟ (W) ที่ใช้
  • ต้องแสดง คำเตือนความปลอดภัย ในการใช้งาน และต้องมี คู่มือประกอบ
  • แสดง เครื่องหมายมาตรฐาน มอก. (สำหรับสินค้าที่เข้าข่ายมาตรฐานบังคับ)

4. สินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์

  • ต้องแสดง สัญลักษณ์ความเป็นอันตราย (Hazard Symbols)
  • ระบุ วิธีใช้ที่ปลอดภัย และคำแนะนำสำหรับการจัดเก็บ/กำจัด
  • ต้องมี การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในกรณีที่สัมผัสสารเคมี
ม้วนสติ๊กเกอร์ฉลากสีขาวพิมพ์ข้อความสีดำ ระบุชื่อผลิตภัณฑ์ Aura Botanicals Glow Boost Serum พร้อมส่วนผสมและเลขล็อต

ตัวอย่าง ฉลากที่ดี vs ควรแก้

เพื่อช่วยให้เห็นภาพข้อกำหนดทางกฎหมายได้ชัดเจนที่สุด ความผิดพลาดเล็กน้อยอาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ ลองมาดูตัวอย่างเปรียบเทียบฉลากที่ถูกต้องและฉลากที่ควรหลีกเลี่ยง ตามข้อบังคับของ สคบ. และหน่วยงานอื่นๆ

อาหาร (ซอง/ขวด)

  • ดี: ส่วนประกอบ: น้ำ 60%, น้ำตาล 30%, สารควบคุมความเป็นกรด (INS330), สารให้กลิ่นรสธรรมชาติ (เลมอน)
  • ควรแก้: ส่วนประกอบ: น้ำตาล, น้ำ, วัตถุเจือปน (ตามเหมาะสม) (กำกวม/ไม่เรียงจากมาก→น้อยและไม่ระบุชนิดสารเจือปน)

เครื่องสำอาง

  • ดี: ส่วนประกอบ: “Aqua, Glycerin, Niacinamide, Tocopheryl Acetate, Fragrance” (INCI) + วิธีใช้ + คำเตือนแพ้
  • ควรแก้: ส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% (อ้างเกินจริง/ตรวจสอบไม่ได้)

เครื่องใช้ไฟฟ้า

  • ดี: แรงดัน 220V, กำลังไฟ 800W, มอก. xxxx-xxxx, คำเตือน: ห้ามใช้ในที่เปียกชื้น
  • ควรแก้: ขาดแรงดัน/กำลังไฟ/คำเตือน, ใช้สัญลักษณ์ล้วนโดยไม่มีคำอธิบาย ตัวอย่างเช่น มีเพียง สัญลักษณ์รูปสายฟ้า และ รูปก๊อกน้ำมีขีดฆ่า โดยไม่มีข้อความกำกับเป็นภาษาไทย)

สินค้าอันตราย/เคมีภัณฑ์

  • ดี: มีสัญลักษณ์อันตราย + คำเตือนชัดเจน + วิธีปฐมพยาบาล + วิธีเก็บ/กำจัด
  • ควรแก้: ใช้คำโฆษณาเด่นกลบคำเตือน/สัญลักษณ์เล็กจนอ่านไม่เห็น ตัวอย่างเช่น ตัวอักษรของ “คำเตือน: ห้ามสัมผัสสารโดยตรง” มีขนาดเล็กกว่า “ขจัดคราบได้ 10 เท่า”)

วิธีขออนุญาตใช้ฉลาก สคบ.

การขออนุญาตหรือการขึ้นทะเบียนฉลากอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดในการนำสินค้าออกสู่ตลาดอย่างถูกกฎหมาย นี่คือขั้นตอนที่คุณสามารถทำตามได้ทันที

1) ตรวจสอบก่อนยื่น

เช็กว่าสินค้าของคุณอยู่ในรายการควบคุมฉลากหรือไม่ (เทียบกับประกาศล่าสุดที่เกี่ยวข้อง)

2) เตรียมเอกสาร

  • แบบคำขอ (ตามแบบของหน่วยงาน)
  • รายละเอียดสินค้า: ชื่อ/ประเภท, คุณสมบัติ, มาตรฐานอ้างอิง
  • ตัวอย่างฉลาก: ไฟล์/ภาพถ่ายของฉลากทุกด้านที่จะแสดงจริง
  • เอกสารนิติบุคคล: หนังสือรับรองบริษัท ทะเบียนพาณิชย์ หรือบัตรประชาชน (กรณีบุคคลธรรมดา)
  • เอกสารอื่นๆ: ใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง (เช่น เลขสารบบ, ใบรับแจ้ง)

3) ช่องทางยื่น

  • ออนไลน์: (ถ้ามีระบบให้บริการ): สะดวก รวดเร็ว ติดตามสถานะง่าย
  • ออฟไลน์: ยื่นคำขอที่สำนักงาน สคบ. หรือหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่

4) การพิจารณาและอนุมัติ

หน่วยงานตรวจสอบความครบถ้วนและความถูกต้องของข้อมูลบนฉลากว่าสอดคล้องตามประกาศหรือไม่ หากทุกอย่างถูกต้องและครบถ้วนจะมีการออกหนังสือรับรองการใช้ฉลากให้

5) การแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงในอนาคต (Post-Approval)

หากมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลสำคัญของผลิตภัณฑ์ เช่น ส่วนประกอบ วิธีใช้ คำเตือน ฯลฯ ต้องยื่นคำขอแก้ไขฉลากใหม่ ตามขั้นตอนเดิม

การเปรียบเทียบยื่นคำขอออนไลน์ vs ออฟไลน์

การเลือกช่องทางยื่นคำขอขึ้นอยู่กับความถนัดของผู้ประกอบการ แต่ละช่องทางมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ดังนี้

เกณฑ์ออนไลน์ออฟไลน์
ความสะดวกสูง ทำได้ทุกที่ทุกเวลาปานกลาง ต้องเดินทางไปยื่นที่สำนักงาน
เวลาเดินทางประหยัดเวลา ไม่ต้องเดินทางต้องใช้เวลาในการเดินทางและการรอคิว
ติดตามสถานะในระบบออนไลน์โทร/ติดต่อเจ้าหน้าที่
คำแนะนำเชิงเอกสารผ่านคู่มืออิเล็กทรอนิกส์/ศูนย์ช่วยเหลือพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง

ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ต้องระวังในการยื่นคำขอ (Common Mistakes)

ไม่ว่าจะเลือกยื่นช่องทางใด ผู้ประกอบการมักทำผิดพลาดในจุดเดิมๆ ที่ทำให้เอกสารไม่ผ่านการอนุมัติ คุณควรตรวจสอบลิสต์นี้ก่อนยื่นคำขอทุกครั้ง:

  • ปัญหาการแสดงผล: ใช้ฟอนต์เล็กเกินไป หรือ ความคมชัดต่ำ ทำให้ฉลากอ่านยาก
  • ข้อมูลความปลอดภัยไม่ครบ: ลืมระบุสารก่อภูมิแพ้ หรือ คำเตือน/ข้อควรระวัง ที่จำเป็นต่อสินค้า
  • ปัญหาภาษา:  แปลภาษาอังกฤษไม่ตรงกับภาษาไทย ทำให้สาระสำคัญผิดเพี้ยน
  • เอกสารไม่ตรงกัน: ตัวอย่างฉลากที่ยื่นไม่ตรงกับฉลากจริงที่จะนำไปใช้บนบรรจุภัณฑ์
  • ขาดการอ้างอิง: ลืมระบุเลขอ้างอิง หรือ เลขอนุญาต (เช่น เลขสารบบอาหาร หรือเลขที่ใบรับแจ้ง) ที่ได้จากหน่วยงานอื่น

สคบ. vs อย. vs มอก. (เปรียบเทียบให้ชัด)

บ่อยครั้งผู้ประกอบการมักสับสนกับบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานกำกับดูแลฉลากในไทย แม้ว่าทั้งหมดจะทำงานเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค แต่ว่าแต่ละหน่วยงานก็มีขอบเขตการกำกับดูแลที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจขอบเขตอำนาจของ สคบ. อย. และ มอก. จะช่วยให้คุณปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้องครบถ้วน ดังตารางเปรียบเทียบต่อไปนี้

เกณฑ์เปรียบเทียบสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.)
ประเด็นหลักฉลาก/ข้อมูลผู้บริโภค (ความถูกต้อง)อาหาร/ยา/เครื่องสำอาง (คุณภาพ/ความปลอดภัย)มาตรฐานอุตสาหกรรม (ความปลอดภัย/ประสิทธิภาพ)
โฟกัสความถูกต้องของเนื้อหาบนฉลาก/ไม่ทำให้เข้าใจผิดความปลอดภัย/คุณภาพของผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่มมาตรฐานความปลอดภัย/ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์
ขอบเขตสินค้าฉลากควบคุมหลายหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคอาหาร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง และวัตถุอันตรายเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุตสาหกรรม /ของใช้หลากหลาย
สิ่งที่มองหาเนื้อหาบนฉลากครบ ชัดเจน แจ้งเตือนถูกต้องใบอนุญาต/จดแจ้ง/การควบคุมสารต้องห้ามผ่านการรับรองมาตรฐานและการทดสอบตาม มอก.
ตัวอย่างฉลากสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปเลขสารบบอาหาร (เลข อย.) เลขที่ใบรับแจ้งเครื่องหมาย มอก. บนเครื่องใช้ไฟฟ้า

Compliance Toolkit สำหรับแบรนด์

การทำฉลากให้ถูกกฎหมายไม่ใช่แค่การตรวจสอบครั้งเดียว แต่ต้องเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงานทั้งหมดของแบรนด์ นี่คือชุดเครื่องมือและขั้นตอนการทำงานที่ช่วยให้คุณบริหารจัดการความเสี่ยงด้านฉลากได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. Pre-launch Label Checklist (การตรวจสอบก่อนสั่งผลิต)

  • เช็กลิสต์ข้อมูลบังคับ ทั้งหมดว่ามีครบถ้วนและถูกต้องตามกฎหมาย
  • ประเมินคุณภาพการพิมพ์ โดยดูที่ ฟอนต์ ขนาดตัวอักษร และ คอนทราสต์สี ต้องอ่านง่ายแม้ในระยะห่าง
  • ยืนยันการใช้ ภาษาไทย เป็นหลัก และความสอดคล้องกับข้อกำหนดเฉพาะรายหมวดสินค้า

2. Internal Review (การตรวจสอบภายใน)

  • ให้ฝ่ายกฎหมาย หรือฝ่าย Compliance ทบทวนข้อความอ้างอิงและคำโฆษณาทั้งหมด ว่ามีหลักฐานรองรับและไม่เป็นการอ้างสรรพคุณเกินจริง
  • ยืนยันว่าข้อมูลบนฉลากสอดคล้องกับใบอนุญาต หรือเลขที่ใบรับแจ้งที่ได้รับจากหน่วยงานภายนอก

3. Version Control (การควบคุมเวอร์ชันฉลาก)

  • กำหนด รหัสเวอร์ชัน สำหรับฉลากแต่ละรูปแบบ รวมถึงระบุ วันที่อนุมัติ และ ผู้อนุมัติ
  • จัดเก็บหลักฐานการอนุมัติฉลากทุกเวอร์ชันไว้ในแฟ้มกลางอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้เมื่อมีปัญหา

4. Supplier Alignment (การประสานงานกับผู้ผลิต)

  • ส่งสเปกฉลาก (เช่น ขนาด สี วัสดุ) ให้โรงพิมพ์หรือผู้ผลิตอย่างละเอียด
  • กำชับซัพพลายเออร์ให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพการพิมพ์ตัวอักษรและความคมชัด ซึ่งมีผลต่อการอ่านง่าย

5. Post-market Monitoring (การติดตามหลังวางตลาด)

  • เปิดช่องทางรับเรื่องร้องเรียน และรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับฉลากจากผู้บริโภคโดยตรง
  • รวบรวม เคสการร้องเรียน หรือปัญหาที่พบ เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงแก้ไขฉลากในรอบการผลิตถัดไป

ผู้บริโภคควรรู้อะไรบ้าง (อ่านฉลากอย่างมั่นใจ)

ตรวจสอบฉลากอย่างมีระบบ (เน้น 5 จุดสำคัญ)

  • มองหา 5 จุดสำคัญ บนฉลากก่อนเสมอ ได้แก่ ชื่อสินค้า ส่วนผสม/คำเตือน วันหมดอายุ ผู้ผลิต/ผู้นำเข้า และ เลขอ้างอิงตามหมวด
  • ตรวจสอบ ข้อมูลสินค้าหลัก ได้แก่ ชื่อสินค้า ส่วนผสม และ คำเตือนความปลอดภัย รวมถึง วันหมดอายุ ต้องเห็นชัดเจน ไม่ถูกบดบัง
  • เช็กชื่อและที่อยู่ผู้ผลิต/ผู้นำเข้า เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลนิติบุคคลสามารถติดต่อได้จริง หากมีปัญหา
  • ยืนยันการขึ้นทะเบียน ดูว่าสินค้าบางกลุ่มมี ลขอ้างอิง (เลขอนุญาต) ที่ถูกต้องตามกฎหมายสำหรับสินค้าเฉพาะกลุ่ม ตัวอย่างเช่น เลขสารบบอาหาร (เลข อย. 13 หลัก) สำหรับอาหาร หรือ เลขที่ใบรับแจ้ง สำหรับเครื่องสำอาง

สิ่งที่ต้องดำเนินการ (เมื่อพบปัญหา)

  • เก็บหลักฐาน: หากพบพิรุธ (เช่น ข้อมูลไม่ชัดเจน ทำให้เข้าใจผิด หรือขาด 5 จุดสำคัญ) ให้ถ่ายภาพฉลากและหลักฐานการซื้อไว้
  • ร้องเรียนทันที: สามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนได้ที่ สายด่วน สคบ. 1166 หรือผ่านช่องทางเว็บไซต์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทันที

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ฉลาก สคบ. ต่างจากฉลากทั่วไปอย่างไร?

ฉลากทั่วไปอาจเน้นการสื่อสารแบรนด์ แต่ฉลาก สคบ. คือฉลากภายใต้ข้อบังคับทางกฎหมาย ต้องมีข้อมูลที่กำหนดและแสดงอย่างชัดเจน อ่านง่าย ไม่ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด

ขายออนไลน์/ไลฟ์สด ต้องทำฉลากเหมือนขายหน้าร้านไหม?

ใช้หลักการเดียวกัน คือ สินค้าควบคุมฉลากยังคงต้องปฏิบัติตามกฎหมายฉลาก สคบ. ทุกประการ ไม่ว่าช่องทางการจำหน่ายจะเป็นออนไลน์หรือหน้าร้านก็ตาม

ไม่ระบุวันหมดอายุผิดหรือไม่?

ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า หลายหมวดบังคับให้ระบุ เช่น อาหาร/เครื่องสำอาง/สินค้าที่มีอายุการใช้งานสั้น แนะนำให้ตรวจสอบข้อกำหนดหมวดสินค้าของคุณโดยละเอียด

โทษกรณีฉลากผิดทำให้เข้าใจผิดมีอะไรบ้าง?

มีทั้งโทษปรับ โทษจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยเฉพาะหากเป็นผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือผู้สั่งทำ อาจได้รับโทษที่สูงกว่า

หลังอนุมัติฉลากแล้ว แก้ไขได้ไหม?

แก้ไขได้ แต่การเปลี่ยนแปลงข้อมูลสำคัญ เช่น ส่วนประกอบ หรือคำเตือน ต้องยื่นคำขอแก้ไข และได้รับอนุญาตใหม่ก่อนนำไปใช้งานจริง

สรุป

ฉลาก สคบ. ไม่ใช่ภาระ แต่คือหลักประกันความโปร่งใส ที่สำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ การปฏิบัติตามกฎหมายฉลากช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจจากข้อมูลจริง และที่สำคัญกว่านั้นคือช่วยให้แบรนด์ของคุณ หลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางกฎหมาย ที่อาจนำไปสู่การถูกปรับหลักแสนหรือการดำเนินคดีอาญา

แกนหลักของข้อบังคับนี้คือ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 30–31 ซึ่งถูกเสริมด้วย ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ที่กำหนด ลักษณะของฉลาก และ รายการสินค้าควบคุม ให้มีรายละเอียดชัดเจน การทำงานให้ถูกตั้งแต่ต้นคือการใช้ เช็กลิสต์ข้อมูลบังคับ ที่เราได้นำเสนอไป รวมถึงการให้ความสำคัญกับการ จัดวาง ภาษา และการยื่นอนุญาตอย่างถูกต้อง จะทำให้คุณสามารถปล่อยสินค้าออกสู่ตลาดได้อย่างมั่นใจ สร้างความน่าเชื่อถือในสายตาลูกค้า และสร้างการเติบโตของแบรนด์ได้อย่างยั่งยืนที่สุด

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  • เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) www.ocpb.go.th
  • พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522